Success Case : บริษัท เรียนรู้วิทยาศาสตร์ จำกัด ซายเอนเทีย ศูนย์การเรียนรู้วิทยาศาสตร์สำหรับเด็ก
เมื่อพูดถึงวิทยาศาสตร์ หลายคนคงนึกถึงความยากและความน่าเบื่อในห้องเรียนมาเป็นอันดับแรกเสมอ ภาพจำเหล่านั้นกำลังจะเปลี่ยนไป “ซายเอนเทีย” ศูนย์การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ที่จะมาเปลี่ยนแปลงความน่าเบื่อของวิทยาศาสตร์ให้กลายเป็นห้องเรียนแห่งความสุขสนุกไปกับความรู้ดี ๆ ด้วยการสร้างสรรค์สื่อการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ที่มอบประสบการณ์แปลกใหม่ให้กับผู้เรียน พร้อมนำหลักสูตรการเรียนวิทยาศาสตร์จากสหรัฐอเมริกามาดัดแปลง และประยุกต์ให้สอดคล้องกับหลักสูตรการศึกษาของประเทศไทย คุณศิริพันธ์ ภัทรเบญจพล ผู้ก่อตั้งซายเอนเทีย ศูนย์การเรียนรู้วิทยาศาสตร์สำหรับเด็ก เล่าถึงจุดเริ่มต้นของธุรกิจว่า “จากกระดาษข้อสอบแข่งขันวิทยาศาสตร์ของนักเรียนประถมศึกษาชั้นปีที่ 3 ของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ในปีพุทธศักราช 2549 ได้จุดประกายให้เกิดความรู้สึกอยากส่งลูกที่อยู่ในช่วงประถมศึกษาตอนต้นพอดีเข้าร่วมการสอบแข่งขันสำหรับเด็กเล็ก วิธีการเรียนรู้เพื่อความเป็นเลิศทางวิชาการจำเป็นต้องสร้างประสบการณ์ที่ดี สนุกสนานและมีความสุข จึงชักชวนเพื่อนร่วมชั้นเรียนของลูกและเพื่อนผู้ปกครองจัดกลุ่มเล็กๆ มาเริ่มกิจกรรมหลังเลิกเรียน โดยนำวิชาสิ่งแวดล้อมศึกษา ธรรมชาติวิทยา และวิทยาศาสตร์มาสอนเด็กๆ โดยแทรกกิจกรรมที่เน้นการลงมือทำ การเก็บตัวอย่างใบไม้ การจัดแสดงพรรณพืชชนิดต่างๆ การสอนการจำแนก การทดลองทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ความเข้าใจ โดยมีคำขวัญให้กับเด็กๆ ว่าให้ “สนุกกับการเรียนรู้พร้อมสู่การแข่งขัน” และได้นำนักธรรมชาติวิทยา นักดาราศาสตร์ นักวิทยาศาสตร์มาช่วยสอนโดยเน้นการแบ่งปันประสบการณ์ ความรู้ และแนวคิดเพื่อสร้างช่วงเวลาที่ดีให้กับเด็กๆ มีกิจกรรมสำหรับเด็กและครอบครัวมาทัศนศึกษานอกสถานที่ เช่น ป่าชายเลน สถานีวิจัยสิ่งแวดล้อมสะแกราช พิพิธภัณฑ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับวิชาวิทยาศาสตร์ หลายปีผ่านไปกับกิจกรรมหลังเลิกเรียนกับเด็กกลุ่มเล็กๆ พร้อมกับการเติบโตของเด็ก ทัศนคติ ความรู้และทักษะ สร้างความสามารถทางการแข่งขันให้กับเด็กๆ จนสามารถเลือกที่จะใช้ชีวิตในรูปแบบที่ตนต้องการ จำนวนเด็กๆ ที่เข้าร่วมกับทางซายเอนเทียมากขึ้นเรื่อยๆ ทางศูนย์จึงได้จัดตั้งเป็นหน่วยธุรกิจในนาม “บริษัท เรียนรู้วิทยาศาสตร์ จำกัด” ในปีพุทธศักราช 2557 โดยมีคำมั่นสัญญาว่า เราจะแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ในวิชาวิทยาศาสตร์เพื่อพัฒนาศักยภาพของเด็กๆ ให้บรรลุขีดความสามารถสูงสุดอย่างมีความสุขบนเส้นทางแห่งความสำเร็จ เพื่อชีวิต เพื่ออนาคต” ✨แนวคิดธุรกิจแบบฉบับ “ซายเอนเทีย” ความสำเร็จของเด็ก ๆ มากกว่า 350 เหรียญรางวัล 1500 เกียรติบัตร ในช่วงเวลาที่ผ่านมากว่า 15 ปี เทียบกับจำนวนเด็กไม่มากที่ผ่านกระบวนการเรียนรู้แบบลงมือทำ สร้างแรงบันดาลใจที่ในการสร้าง “ซายเอนเทีย” ให้เป็นที่รู้จักในระดับประเทศ พร้อมทั้งการขยายสาขาหรือหน่วยธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ให้แพร่หลายมากขึ้นเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันทางด้านวิทยาสาสตร์และเทคโนโลยีให้กับเด็กไทยให้สามารถต่อยอดสร้างนวัตกรรมและองค์ความรู้ที่เป็นประโยชน์ในการพัฒนาประเทศต่อไป “เราได้กำหนดแนวคิดปัจจุบันว่า ‘เรียนรู้อย่างฉลาด เก่งวิทยาศาสตร์ที่ซายเอนเทีย’ อนาคตอันใกล้เราพยายามผลิตสื่อการเรียนรู้วิทยาสาสตร์เพื่อจำหน่ายให้มากขึ้น และต้องการขยายสาขาผ่านระบบแฟรนไชส์เพื่อให้แบรนด์สินค้าและบริการทางด้านการศึกษาของไทยเทียบชั้นกับต่างประเทศได้” คุณศิริพันธ์กล่าว ผลิตภัณฑ์และบริการของซายเอนเทีย ประกอบด้วย ห้องเรียนวิทยาศาสตร์ที่สถาบัน ห้องเรียนออนไลน์และห้องเรียนเพื่อสอบแข่งขัน และสื่อการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และหลักสูตรวิทยาศาสตร์โลกเสมือน Scientia in Metaverse ซึ่งมีจุดเด่นของหลักสูตรที่ครอบคลุมทักษะที่หลากหลาย เข้าเรียนง่ายเริ่มได้ทันที เรียนรู้ผ่านการลงมือทำ สนุกสนานทุกครั้งที่มาเรียน มีผลงานและความสำเร็จที่จับต้องได้ เพื่อสร้างแฟ้มประวัติผลงานส่วนบุคคล และมีนักวิทยาศาสตร์เป็นผู้ดำเนินการสอนคอยดูแลอย่างใกล้ชิด โดยสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.scientia.in.th และ Facebook Scientia ซายเอนเทีย ศูนย์การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ✨การทำ Branding กับการทำธุรกิจในยุคปัจจุบัน ถึงแม้ว่าซายเอนเทียจะมีรูปแบบการเรียนการสอนที่ไม่เหมือนใคร แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าการทำให้ศูนย์การเรียนรู้แห่งนี้เป็นที่รู้จักได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายในยุคที่โรงเรียนสอนพิเศษเกิดขึ้นใหม่นับสิบ ไม่เพียงแต่มีโรงเรียนสอนพิเศษเกิดขึ้นใหม่เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงสื่อการเรียนการสอน อาทิ เว็บไซต์ ยูทูบ ที่เปิดให้เรียนฟรี และผู้เรียนสามารถเลือกเรียนเองได้ตามความสนใจ และความต้องการ ซึ่งส่งผลกระทบกับธุรกิจโรงเรียนสอนพิเศษเป็นอย่างมาก ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จคงขาดเรื่องการทำ “Branding” ไปไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาซายเอนเทียเองก็ประสบปัญหาในการสร้างการรับรู้และการจดจำแบรนด์ รวมทั้งการสื่อสารแบรนด์ผ่านช่องทางการทำการตลาดต่างๆ เนื่องจากทางสถาบันมีผู้ร่วมงานส่วนใหญ่เป็นทีมงานสอนและนักวิทยาศาสตร์ ซึ่งไม่ได้มีความเชี่ยวชาญในด้านการตลาดมากนัก ดังนั้นงานการตลาดจึงได้มีการว่าจ้างทีมงานภายนอกมาร่วมพัฒนา ซึ่งก็สร้างประสบการณ์ของแบรนด์ได้ในระดับหนึ่ง จากปัญหาดังกล่าวทำให้ซายเอนเทียเริ่มหันมาให้ความสนใจกับการทำ Branding อย่างจริงจัง ประกอบกับในช่วงเวลาที่ผ่านมากรมส่งเสริมอุตสาหกรรมได้จัดกิจกรรม “DIPROM Branding ปั้นนักขายแบบมืออาชีพ ภายใต้โครงการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของวิสาหกิจไทยด้วยดิจิทัล” จึงได้ตัดสินใจเข้าร่วมโครงการเนื่องด้วยรูปแบบของกิจกรรมตรงกับวัตถุประสงค์ที่ต้องการจะพัฒนาธุรกิจ ในระหว่างการเข้าร่วมโครงการมีอาจารย์ที่ปรึกษาที่มีประสบการณ์ และมีความเชี่ยวชาญทางด้านการสร้างแบรนด์โดยเฉพาะมาเป็นที่ปรึกษา คอยให้คำแนะนำ และมอบองค์ความรู้ใหม่ๆ ให้ และหลังจากเข้าร่วมโครงการทำให้เราสามารถพัฒนาธุรกิจในเรื่องของ Branding ได้ครบทุกมิติ เริ่มต้นจากการกำหนดอัตลักษณ์ของ Brand CI และเป้าหมายของฐานลูกค้า (ปกครอง) ทำให้เกิดการปรับปรุงภาพลักษณ์สีของแบรนด์ให้ชัดเจน และง่ายต่อการจดจำ ปรับรูปแบบของ Packaging ใหม่ รวมทั้งปรับปรุง Renovate สถานที่ออกแบบใหม่ทั้งหมด นอกจากนั้น ยังได้เรียนรู้การเข้าถึงลูกค้า โดยใช้หลักการตลาดใน Social Media ทั้งการสร้างภาพจำจากแบนเนอร์ที่นำมาใช้โพส การสร้าง Element ที่ชัดเจน ทำให้ภาพลักษณ์ของสินค้าเป็นไปในทิศทางเดียวกัน และเข้าถึงลูกค้าได้ง่าย รวมถึงการคิดคอนเทนต์โดยใช้หลักการ FAB ซี่งช่วยให้สื่อสารจุดเด่นของผลิตภัณฑ์และบริการไปยังกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการได้อย่างตรงจุดมากยิ่งขึ้น “ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจะเห็นได้ชัดจากการสร้างภาพจำให้กับผู้ปกครอง เพิ่มฐานลูกค้าผู้ปกครองและนักเรียนในตลาดต่างจังหวัด จากการเพิ่มจำนวนการเข้าถึงและทักหาในช่องทาง Inbox Facebook และ Line ส่วนยอดขายเพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 30% (ในช่วงครึ่งปีแรก)” คุณศิริพันธ์กล่าว และนี่เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างความสำเร็จของผู้ประกอบการที่เข้าร่วม “กิจกรรม DIPROM Branding ปั้นนักขายแบบมืออาชีพ ภายใต้โครงการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของวิสาหกิจไทยด้วยดิจิทัลประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566” กับทางกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ที่ได้คัดสรรมาเพื่อเป็นแบบอย่างในการดำเนินธุรกิจให้แก่ผู้ประกอบการ SME ได้เห็นถึงมุมมองที่แตกต่าง แนวทางในการพัฒนาธุรกิจ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและก้าวทันโลกยุคปัจจุบัน
26 ก.ค. 2023
Success Case : พีอามคัท ร้านทำผม P.ARMM CUT - Barber & Salon in Samutsakhon
ในวันที่ธุรกิจร้านทำผมมีผู้เล่นหลายราย จึงเป็นเรื่องง่ายที่จะตั้งราคาให้ต่ำกว่า จนเกิดเป็นสงครามราคาจนทำให้ตลาดเสีย ซึ่งในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่ผู้บริโภคทุกคนจะชอบของถูกเสมอไป แต่หลายคนยอมจ่ายในราคาที่แพงกว่า แลกกับความคุ้มค่ากับสินค้าและบริการที่ได้รับ วันนี้จะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับ พีอามคัท (P.ARMM CUT) ร้านทำผมในมหาชัย ที่ชนะได้..แม้ขายแพงกว่า! คุณโอฬาร สุดสาคร เจ้าของกิจการ และช่างทำผม ร้านพีอามคัท (P.ARMM CUT) เล่าว่า “จุดเริ่มต้นเส้นทางสายอาชีพนี้ เกิดจากความอิ่มตัวจากงานประจำ ทำให้ได้ค้นพบสิ่งที่หลงไหลโดยไม่รู้ตัว จากการลงมือทำตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม นั่นก็คือการช่วยคุณแม่ทำผม เราถือได้ว่าเป็นร้านทำผมในมหาชัยที่ตั้งราคาสูงเป็นอันดับต้นๆ แต่กลับมีผู้ใช้บริการจำนวนมาก ด้วยประสบการณ์ในแวดวงด้านการทำผมกว่า 15 ปี จนปัจจุบันร้าน พีอามคัท (P.ARMM CUT) เปิดให้บริการมาได้เกือบ 5 ปีแล้ว” ✨แนวคิด/เป้าหมายในการทำธุรกิจ “พีอามคัท (P.ARMM CUT)” พีอามคัท (P.ARMM CUT) เป็นร้านทำผมที่ใส่ใจเรื่องการบริการ และมีมาตรฐานเหมือนร้านใหญ่ๆ ในราคาที่เหมาะสม เป็นราคาที่คนทั่วไปสามารถจับต้องได้ จุดขายของทางร้านจุดขาย คือบริการร้านทำผมที่มีมาตรฐานและคุณภาพสูง โดยเน้นการทำผมได้ทุกแนว ทุกเพศ ทุกวัย ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดีมีคุณภาพ ใส่ใจสุขภาพลูกค้าโดยการหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีสารกันเสียที่มาจากฟอร์มาลีน นอกจากนี้ยังมีการสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ผ่านโซเชียลมีเดียที่ชัดเจน ทำให้ภาพลักษณ์ของ พีอามคัท (P.ARMM CUT) มีจุดแข็งอย่างมาก “เป้าหมายของเรา คือ การขยายธุรกิจ และสร้างแบรนด์ พีอามคัท (P.ARMM CUT) ให้เติบโตอย่างมั่นคง เป็นที่รู้จักในวงกว้าง โดยการสร้าง Personal branding ในชื่อ P.ARMM CUT เพื่อให้ความรู้ พร้อมความบันเทิงผ่านสื่อโซเชียลต่างๆ เพื่อสร้างการจดจำในใจของผู้คน” คุณโอฬารกล่าว ✨การทำ Branding กับการทำธุรกิจในยุคปัจจุบัน ก่อนหน้านี้ พีอามคัท (P.ARMM CUT) มีการสร้างแบรนด์ Personal branding ส่วนการตลาดในฝั่ง Corporate branding นั้นขาดการวางกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ (Branding Strategy) ที่ดี โดยไม่มีการกำหนดเป้าหมายของแบรนด์ และ ไม่มีทิศทางในการสื่อสารแบรนด์ที่ชัดเจน ขาดการสื่อสารจุดเด่นแบรนด์ และผลิตภัณฑ์ผ่านช่องทางการตลาดออนไลน์ช่องทางต่างๆ ทำให้ลูกค้าจดจำแบรนด์ไม่ได้ ไม่สามารถช่วงชิงพื้นที่ในใจลูกค้าได้เท่าที่ควร โดยคุณโอฬารได้เล็งเห็นว่า จุดนี้เป็นปัญหาใหญ่ของร้านมากๆ เมื่อมีได้รับโอกาสจาก “กิจกรรม DIPROM Branding ปั้นนักขายแบบมืออาชีพ ภายใต้โครงการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของวิสาหกิจไทยด้วยดิจิทัลประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566” จึงตัดสินใจได้อย่างทันทีว่าจะเข้าร่วมกิจกรรมฯ โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้ส่งทีมผู้เชี่ยวชาญเข้าไปให้ช่วยวิเคราะห์ธุรกิจและให้คำแนะนำแก่สถานประกอบการ ทำให้รู้จักและเห็นภาพธุรกิจตัวเองชัดเจนขึ้น จากการวิเคราะห์แบบตรงไปตรงมา และให้ความรู้ในการพัฒนา “Branding” อีกทั้งยังมีการช่วยชี้แนะในการวางกลยุทธ์การตลาดแต่ละช่องทาง วางกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ (Branding Strategy) ทำให้เข้าใจกลุ่มเป้าหมาย เข้าใจคู่แข่ง รู้คุณค่า จุดยืน และบุคลิกของแบรนด์ชัดเจนยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีแนวทางการสร้างแบรนด์และการทำตลาดออนไลน์ชัดเจนขึ้น จากความรู้เรื่องสร้างตัวตนของแบรนด์ (Brand Identity) และการออกแบบ Graphic ต่างๆ ตามอัตลักษณ์แบรนด์ ส่งผลให้สามารถปรับปรุงวิธีการสื่อสารทางช่องทางออนไลน์ เพื่อสร้าง Branding ให้น่าสนใจมากขึ้น คุณโอฬารได้เล่าถึงผลลัพธ์จากการเข้าร่วมโครงการว่า “แบรนด์มีความชัดทั้ง Personal branding และ Business branding ทำให้ผู้คนทั่วไปจดจำแบรนด์ได้ง่ายขึ้น ยอดขายเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่า ฐานลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นอย่างมาก และฐานลูกค้าเก่าก็ยังคงเหนียวแน่น ช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของธุรกิจให้ดีขึ้น คนจดจำแบรนด์ได้มากขึ้น และเกิดการบอกแบบปากต่อปากสูงขึ้นมาก” ✨ช่องทางการติดต่อ พีอามคัท (P.ARMM CUT) https://www.facebook.com/p.armmcut https://www.instagram.com/p.armmcut/ และนี่เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างความสำเร็จของผู้ประกอบการที่เข้าร่วม “กิจกรรม DIPROM Branding ปั้นนักขายแบบมืออาชีพ ภายใต้โครงการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของวิสาหกิจไทยด้วยดิจิทัลประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566” กับทางกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ที่ได้คัดสรรมาเพื่อเป็นแบบอย่างในการดำเนินธุรกิจให้แก่ผู้ประกอบการ SME ได้เห็นถึงมุมมองที่แตกต่าง แนวทางในการพัฒนาธุรกิจ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและก้าวทันโลกยุคปัจจุบัน
26 ก.ค. 2023
Success Case : บริษัท เอสพีเอสเอส เอ็นเตอร์ไพร์ส จำกัด ผลิตภัณฑ์กลุ่มเวชสำอาง แบรนด์ De.'s Formula (ดีส์ฟอร์มูลา)
เวชสำอาง (Cosmeceuticals) เป็นผลิตภัณฑ์ที่รวมคุณสมบัติเครื่องสำอาง และ/หรือยาไว้ด้วยกัน นับเป็นผลิตภัณฑ์ประเภทใหม่วงการอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง ปัจจุบัน ผู้บริโภคนิยมผลิตภัณฑ์เวชสำอางมากขึ้น ทำให้ผลิตภัณฑ์เวชสำอางมีแนวโน้มเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เวชสำอางธรรมชาติ (Natural Cosmeceuticals) ซึ่งวันนี้จะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับแบรนด์เวชสำอางของคนไทย ที่พัฒนามาเพื่อให้คนไทยได้ใช้ของดีในราคาที่เหมาะสม คุณสุวลี เลิศตระกูล ผู้ก่อตั้งแบรนด์ ได้เล่าถึงจุดเริ่มต้นธุรกิจว่า “De.'s Formula (ดีส์ฟอร์มูลา) กำเนิดจากแรงบันดาลใจที่ต้องการสร้างผลิตภัณฑ์กลุ่ม "เวชสำอาง" ที่มีคุณภาพ มีประสิทธิภาพสูง สมดุลกับความปลอดภัยให้กับผู้บริโภค ได้ใช้สินค้าคนไทยในราคาที่เหมาะสม ตามหลักวิชาการทางแพทย์ และเภสัชกรรม โดยแรกเริ่มในปี พ.ศ. 2547 ได้ใช้ชื่อเรียกว่า Dr.'s Formula (ดอกเตอร์ฟอรมูลา) โดยสื่อให้เห็นถึงผลิตภัณฑ์ที่คิดค้นขึ้นโดยกลุ่ม เภสัชกรปริญญาจาก จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยมหิดล ที่พัฒนาสูตรตำรับตามที่แพทย์ผิวหนังใช้ หลังจากนั้นในปี พ.ศ. 2554 จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น De.'s Formula (ดีส์ฟอร์มูลา) เพื่อสื่อถึงสูตรที่ดี” ✨แนวคิด และเป้าหมายในการทำธุรกิจของ “De.'s Formula (ดีส์ฟอร์มูลา)” De.'s Formula (ดีส์ฟอร์มูลา) มีผลิตภัณฑ์หลัก ได้แก่ Organic Rosewater Hair Care Lotion เซรั่มปลูกผม หยุดผมร่วง และกระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผมที่แข็งแรงกว่าเดิม โดยมีสารสกัดจากธรรมชาติ มีส่วนช่วยในการยับยั้งการสร้าง ฮอร์โมน DHT ซึ่งเป็นสาเหตุอันหนึ่งที่ทำให้ผมร่วง และเข้าสู่สภาวะศีรษะล้านได้ และ Organic Rosewater Mild Face Wash เจลล้างหน้า ผิวแพ้ง่าย สูตรออร์แกนิค (SLS Free) ทำความสะอาดผิวอย่างอ่อนโยนไม่ทิ้งสารตกค้าง “เราทำแบรนด์โดยมีแนวคิดที่ต้องการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องโดยกลุ่มเภสัชกร เพื่อนำเสนอเวชสำอางที่มี คุณภาพ ประสิทธิภาพ และมีความปลอดภัยสูงสุดควบคู่กันไป โดยเราจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่รักผิว ไม่ต้องการเพียงแค่ความสวยงามแต่ต้องการให้ผิวมีสุขภาพแข็งแรง และเรายังมีเป้าหมายที่อยากจะขยายความเป็นผลิตภัณฑ์เวชสำอางคนไทยให้ไปไกลในต่างประเทศอีกด้วย” คุณสุวลีกล่าว ✨การทำ Branding กับการทำธุรกิจในยุคปัจจุบัน ในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา De.'s Formula (ดีส์ฟอร์มูลา) มีการเติบโตในช่องทาง offline อย่างต่อเนื่อง แต่ไม่ได้มีการสร้าง Branding ที่ชัดเจน จนกระทั่งเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 บริษัทพบปัญหาอย่างรุนแรงที่ไม่สามารถขายสินค้าผ่านช่องทาง offline ได้ จึงเริ่มทำการตลาดในช่องทาง online และขายสินค้าไม่ได้ เพราะลูกค้าไม่รู้จัก brand ทำให้บริษัทเริ่มเห็นความสำคัญของการสร้างการรับรู้ของ brand เพราะเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ลูกค้า สามารถแยกความแตกต่างของสินค้าได้ และเพิ่มความจงรักภักดีของลูกค้า ลดโอกาสที่จะทำให้ลูกค้าเปลี่ยนไปซื้อสินค้า Brand อื่นน้อยลง เมื่อบริษัทเห็นความสำคัญของการสร้างแบรนด์ จึงขอเข้าร่วมโครงการ “กิจกรรม DIPROM Branding ปั้นนักขายแบบมืออาชีพ ภายใต้โครงการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของวิสาหกิจไทยด้วยดิจิทัลประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566” ในการร่วมโครงการในครั้งนี้ ทำให้บริษัทได้รับความรู้ ประสบการณ์ จากผู้เชี่ยวชาญอย่างหลากหลาย และได้ตัดสินใจในการทำ Rebranding ซึ่งไม่เคยทำมาก่อนตั้งแต่เริ่มดำเนินกิจการมา โดยคำนึงถึงองค์ประกอบต่าง ๆ ที่ได้เรียนรู้จากทีมผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในธุรกิจเวชสำอาง ✨คุณสุวลีได้เล่าถึงผลลัพธ์จากการเข้าร่วมกิจกรรม DIPROM Branding ว่า “จากการที่ได้นำความรู้จากการเข้าอบรม มาใช้ในการทำแผนการตลาดต่าง ๆ ในหลายช่องทาง และพบว่าลูกค้าได้รับรู้ภาพลักษณ์ของแบรนด์ตรงตามเป้าหมายของแบรนด์มากขึ้น ว่าเป็นสินค้าที่ให้ความสำคัญทั้งเรื่องประสิทธิภาพและความปลอดภัย สอดคล้องกับที่แบรนด์มีวางจำหน่ายในร้านเวชภัณฑ์ในโรงพยาบาล เช่น รพ.รามา รพ.ตำรวจ และ รพ.เลิดสิน นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มขึ้นของฐานลูกค้าในช่องทาง online อย่างต่อเนื่อง และมีการสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุดมากขึ้น ทำให้ลูกค้าเกิดการตัดสินใจซื้อสินค้าเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ และที่น่าประทับใจอย่างมากคือ ลูกค้ายังช่วยมีการแนะนำไปยังเพื่อน ๆ คนใกล้ตัวให้รู้จักสินค้าของเราอีกด้วย” ✨สนใจผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ De.'s Formula (ดีส์ฟอร์มูลา) ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Website : https://www.deformula.com Facebook : De.'s Formula เวชสำอางสำหรับคนรักผิว Line OA : @deformula Instagram : de.s_formula และนี่เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างความสำเร็จของผู้ประกอบการที่เข้าร่วม “กิจกรรม DIPROM Branding ปั้นนักขายแบบมืออาชีพ ภายใต้โครงการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของวิสาหกิจไทยด้วยดิจิทัลประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566” กับทางกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ที่ได้คัดสรรมาเพื่อเป็นแบบอย่างในการดำเนินธุรกิจให้แก่ผู้ประกอบการ SME ได้เห็นถึงมุมมองที่แตกต่าง แนวทางในการพัฒนาธุรกิจ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและก้าวทันโลกยุคปัจจุบัน
26 ก.ค. 2023
Success Case : บริษัท อูดิต ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด โดรนเพื่อกำรเกษตรครบวงจร
อุตสาหกรรมการเกษตรคือรากฐานของสังคมไทยมาช้านาน แต่เกษตรกรมักประสบปัญหาคล้ายคลึงกัน อาทิ พื้นที่มีขนาดใหญ่ยากต่อการดูแลให้ทั่วถึง การขาดแคลนแรงงาน และต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ปัจจุบันการนำ ‘โดรน’ มาใช้เทคโนโลยีที่เป็นตอบโจทย์ในการแก้ Pain Point เหล่านี้ ‘อูดิต’ โดรนเพื่อการเกษตรครบวงจร ที่มีความมุ่งมั่นและต้องการสนับสนุนให้เกษตรกรไทยเข้าถึงเทคโนโลยีการเกษตร เพื่อยกระดับวิถีการทำเกษตรสู่ Smart Farmer! คุณมนตรี เมฆแสง ประธานเจ้าหน้าที่บริการ บริษัท อูดิต ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เล่าถึงจุดเริ่มต้นของธุรกิจว่า “เริ่มมาจากกลุ่มเพื่อน 3-4 คน อยากที่จะทำธุรกิจด้วยกัน จึงเริ่มต้นค้นหาผลิตภัณฑ์สินค้า และบริการ ที่จะนำมาจำหน่าย ด้วยความที่กลุ่มคนเหล่านี้มีความรู้ทางด้านอิเล็กทรอนิกส์ และจบมาจากสถาบันเดียวกัน จึงทำให้เลือกที่จะเข้ามาทำธุรกิจที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี จึงเป็นจุดเริ่มต้นของ ‘อูดิต’ ในเวลาต่อมา” ย้อนกลับไปปี 2016 ในช่วงเวลานั้น โดรนเกษตรยังเป็นเรื่องใหม่มาก และยังเป็นที่รู้จักกันในวงแคบ มีบริษัทผู้ผลิต เพียงไม่กี่รายเท่านั้น ที่พยายามพัฒนา และทำออกมาจำหน่ายให้กับเกษตรกรได้ทดลองใช้กัน แต่ต่อมาประมาณปี 2018 เริ่มมีผู้สนใจใช้งานโดรนเกษตรกรมากขึ้น และเริ่มเป็นที่ยอมรับของเกษตรกร จึงทำให้มีผู้คนสนใจซื้อโดรน เกษตรไปทำเป็นอาชีพ รับจ้างฉีดพ่นแทนคนเดินฉีดพ่นแบบเดิม ซึ่งถือว่าเป็นรายได้ที่ดีมาก แต่เมื่อปี2019 จากการที่เกิดโรคระบาดโควิด ทำให้เกิดการเลิกจ้างจากหน่วยงานต่างๆ เป็นจำนวนมาก ทำให้กลุ่มคนเหล่านี้ต้องมอง หางานที่สามารถสร้างรายได้เลี้ยงดูครอบครัวได้ หลายคนจึงหันมาสนใจอาชีพบินโดรนเกษตรรับจ้าง ซึ่งสามารถสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ จนทำให้คนสนใจซื้อโดรนไปใช้กันเพิ่มขึ้น ทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว ✨แนวคิด และเป้าหมายฉบับ “อูดิต” เกษตรกรไทยหรือผู้ที่ซื้อโดรนเกษตรไปใช้งานบินรับจ้างส่วนใหญ่ไม่เข้าใจวิธีการใช้งาน เพราะยังเป็นเทคโนโลยีที่ใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเทคนิคการบินฉีดพ่นให้ได้คุณภาพที่ดี และการดูแลใช้งานอุปกรณ์ต่อ พ่วง ซึ่งต้องยอมรับว่าเป็นอุปกรณ์หลักที่มีความสำคัญมาก อาทิเครื่องชาร์จแบตเตอรี่ และแบตเตอรี่ที่ถือว่าเป็นอุปกรณ์สิ้นเปลือง หากไม่รู้วิธีการใช้งานที่ถูกต้อง จนทำให้ผู้ที่ทำอาชีพนี้ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก คุณมนตรีกล่าวว่า “เพราะเราเห็นถึงปัญหา และมองเห็นถึงโอกาสทางธุรกิจโดยใช้ความสามารถของทีมงานทางด้าน ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นจุดแข็งมาช่วยวิเคราะห์ และวิจัย จนทำให้ค้นพบวิธีแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกี่ยวกับผู้ใช้โดรนเกษตร ซึ่งต้องยอมรับว่ายังไม่มีผู้ผลิตและจัดจำหน่ายโดรนรายใด ให้ความสำคัญในการค้นหาปัญหา และแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างจริงจัง เพราะเน้นการจัดจำหน่ายเพียงอย่างเดียว ‘อูดิต’ จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญ” โดยมีเป้าหมายในการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ใช้โดรน’ ให้ความช่วยเหลือบริการซ่อมเครื่องชาร์จแบตเตอรี่ จำหน่ายแบตเตอรี่ที่เหมาะสมกับการใช้งาน เน้นให้องค์ความรู้วิธีการใช้งานและการดูแลรักษาโดรนเกษตร และอุปกรณ์ต่อพ่วงต่าง ๆ รวมไปถึงการให้คำแนะนำ มุมมองแนวคิดที่ถูกต้องในการทำอาชีพบินโดรนเกษตรรับจ้าง เพราะผู้ใช้โดรนเกษตรหลายคน กู้หนี้ยืมสินเพื่อมาลงทุนในการทำอาชีพนี้ ไม่ได้รับคำแนะนำและแนวทางที่ถูกต้องในการใช้ อาจก่อให้เกิดความเดือดร้อน ปัญหาทางการเงินในครอบครัวได้ ✨โดยผลิตภัณฑ์ และบริการของอูดิต ประกอบด้วย 1) จำหน่ายเครื่องชาร์จแบตเตอรี่ 2) จำหน่ายแบตเตอรี่ 3) เป็นศูนย์บริการซ่อมเครื่องชาร์จ และแบตเตอรี่โดรนเกษตรทั่วประเทศไทยพร้อมบริการหลังการขาย 4) มีคอร์สฝึกกอบรมสร้างโดรนเกษตรใช้เอง เน้นให้ผู้ซื้อสามารสร้าง ประกอบ ซ่อมได้ด้วยตัวเอง โดยสามารถดู รายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : บริษัท อูดิต ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด “บริษัทของเรามีระบบหลังบ้านที่ดี มีการวางระบบที่ถูกต้อง และยังมีระบบบริหารจัดการทั้งหน้าร้าน และหลังร้าน มีการพัฒนาบุคลากรให้เชี่ยวชาญ มีระบบจัดการที่ครอบคลุม มีทีมช่างที่เชี่ยวชาญ เพราะเรามีเป้าหมายอยากจะเป็นศูนย์บริการโดรนเกษตรที่มีมาตรฐาน แข็งแกร่ง และเกษตรกรนึกถึงเป็นลำดับต้นๆ” คุณมนตรีกล่าวเพิ่มเติม ✨การทำ Branding กับการทำธุรกิจในยุคปัจจุบัน ถึงแม้ว่า บริษัท อูดิต ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด จะมีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญในด้านเทคโนโลยีโดรนเกษตร แต่สำหรับเรื่องภาพลักษณ์ของบริษัทแล้วนั้น ยังถือว่ายังไม่มีความชัดเจนมากนัก ขาดการวางกลยุทธ์ การสร้างแบรนด์ (Branding Strategy) ที่ดี ไม่มีการกำหนดเป้าหมายของแบรนด์ที่ชัดเจนเท่าที่ควร ทำให้ไม่มี ทิศทางในการสื่อสารแบรนด์ที่ชัดเจน เพราะยังขาดความรู้ความเข้าใจด้านการตลาดออนไลน์ จึงได้ตัดสินใจเข้าร่วมโครงการ “กิจกรรม DIPROM Branding ปั้นนักขายแบบมืออาชีพ ภายใต้โครงการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของวิสาหกิจไทยด้วยดิจิทัล ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566” ทำให้ทีมงานมีความเข้าใจและได้ ตระหนักถึงความสำคัญของ Branding รวมถึงการวางแผนการทำการตลาดโดยการวิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน ของผลิตภัณฑ์ และบริการมากขึ้น และได้นำเอาองค์ความรู้ที่ได้รับจากผู้เชี่ยวชาญไปเร่งแก้ไข ปรับปรุง ปรับใช้ เพื่อให้บริษัทพัฒนาต่อไป คุณมนตรีได้เล่าถึงผลลลัพธ์จากการเข้าร่วมกิจกรรม DIPROM Branding ว่า “หลังจากเข้าร่วมกิจกรรมได้มีการนำคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญไปดำเนินการปรับปรุงช่องทางการตลาดของอูดิตที่มีอยู่ โดยมีการปรับภาพลักษณ์ แบรนด์ใหม่ ส่งผลให้ภาพลักษณ์ของบริษัทมีความแข็งแกร่ง และชัดเจนขึ้นมาก รวมไปถึงทิศทางในการทำการตลาด และการใช้ Branding ในการสื่อสารไปยังลูกค้าก็เป็นไปในทางเดียวกัน รวมไปถึงมีฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นมากๆ จากยอดกดไลค์แฟนเพจ มียอดการกดติดตาม และการมองเห็นใน TikTok มากขึ้น และยังมียอดการขายจากลูกค้าหน้าใหม่อีกด้วย” ✨ช่องทางการติดต่อบริษัท อูดิต ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด • Website : sites.google.com/view/oo-dit-drone • Facebook : https://www.facebook.com/OoditDevelopMent/ • Line OA : https://line.me/R/ti/p/%40onp2665t • Youtube : https://www.youtube.com/@OODIT และนี่เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างความสำเร็จของผ้ปูระกอบการทีเ่ข้าร่วม “กิจกรรม DIPROM Branding ปั้นนักขาย แบบมืออาชีพ ภายใต้โครงการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของวิสาหกิจไทยด้วยดิจิทัล ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566” กับทางกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ที่ได้คัดสรรมาเพื่อเป็นแบบอย่างในการดำเนินธุรกิจ ให้แก่ผู้ประกอบการ SME ได้เห็นถึงมุมมองที่แตกต่าง แนวทางในการพัฒนาธุรกิจ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและก้าวทันโลกยุคปัจจุบัน
26 ก.ค. 2023
Success Case : บริษัท พิโก อไลฟ์ จำกัด นวัตกรรมจุลินทรีย์ชีวภาพกำจัดกลิ่น
มลพิษทางน้ำ (Water pollution) เป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมที่สำคัญที่สุดปัญหาหนึ่งของประเทศ แหล่งน้ำซึ่งถูกปนเปื้อนด้วยสิ่งสกปรกและสารมลพิษต่าง ๆ ทำให้ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต และการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคม จากปัญหาเหล่านี้ “Pico Alive (พิโก อไลฟ์)” จึงได้คิดค้นนวัตกรรมจุลินทรีย์กำจัดกลิ่นใน 1 นาที พร้อมย่อยไขมันและบำบัดน้ำเสีย ที่ช่วยเปลี่ยนน้ำที่ปนเปื้อนไปด้วยมลพิษต่าง ๆ ให้สะอาดขึ้นจนอยู่ในระดับที่ปลอดภัย เพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน 1 เดียวในไทย! โดยมีจุดเริ่มต้นจาก “คุณจีรศักดิ์ นาคานารา” ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารของ บริษัท พิโก อไลฟ์ จำกัด ซึ่งมีวิสัยทัศน์มุ่งเน้นที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยใช้กระบวนการ “ธรรมชาติบำบัดธรรมชาติ” เพื่อคืนธรรมชาติที่ดีให้กับผู้คนและสิ่งแวดล้อม ด้วยการให้บริการแบบครบวงจร One Stop Service ดูแลกำจัดกลิ่นย่อยสลายไขมัน น้ำมันและของเสียในพื้นที่ห้องน้ำห้องครัว การบำบัดน้ำเสียตามคูคลองต่าง ๆ ปรับปรุงคุณภาพน้ำเพื่อการเกษตรการประมง และการทำความสะอาดคูลลิ่งทาวเวอร์ ฯลฯ โดยได้คิดค้น “นวัตกรรมจุลินทรีย์ชีวภาพหนึ่งเดียวที่สามารถกำจัดกลิ่นเหม็นได้ภายใน 1 นาที พร้อมย่อยไขมันและบำบัดน้ำเสีย” ซึ่งเป็นนวัตกรรมเทคโนโลยีชีวภาพขั้นสูงที่คิดค้นและพัฒนาโดยนักวิจัยและทีมงานผู้เชี่ยวชาญมืออาชีพ ผลิตจากธรรมชาติ มีความเข้มข้นสูง สามารถระบุสายพันธุ์ได้ มีใบรับรองจากสถาบันชั้นนำมากมาย มีความปลอดภัยสูง ปลอดภัยต่อมนุษย์ สัตว์ และสิ่งแวดล้อม ดังสโลแกน “รักษ์โลก รักษ์สิ่งแวดล้อม ลดการใช้สารเคมี นึกถึง พิโก อไลฟ์ โซลูชั่น” ✨ผลิตหลักภัณฑ์ของ Pico Alive (พิโก อไลฟ์) มี 3 ชนิด คือ Bio Max Odor Extra นวัตกรรมจุลินทรีย์ เพื่อการกำจัดกลิ่นหายใน 1 นาที ย่อยสลายไขมัน บำบัดน้ำเสีย ประสิทธิภาพสูงในการย่อยสลายไขมัน น้ำมัน ลดค่า (FOG) เพิ่มประสิทธิภาพของระบบบำบัดน้ำเสีย ลดค่า BOD, COD, SS, ตะกอนแขวนลอยและค่าอื่นๆ ในน้ำเสีย ผลิตจากธรรมชาติ มีความเข้มข้นสูง สามารถระบุสายพันธุ์ได้ มีใบรับรองจากสถาบันชั้นนำมากมาย มีความปลอดภัยสูง ปลอดภัยต่อมนุษย์ สัตว์ และสิ่งแวดล้อม Pico Bio Ball ไบโอบอล กำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ในห้องน้ำ/ห้องส้วม เป็นผลิตภัณฑ์จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์หลากหลาย และสามารถทำงานได้ในช่วงที่กว้างของสภาพสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างกัน เนื่องจากจุลินทรีย์ที่คัดเลือกได้ เป็นเชื้อจุลินทรีย์จากธรรมชาติ ไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อมและไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์และสัตว์เลี้ยง เป็นจุลินทรีย์ที่ได้รับการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองปัญหาการกำจัดกลิ่นและทำความสะอาดคราบไขมันโดยเฉพาะอย่างยิ่งในครัวเรือน อุตสาหกรรมปศุสัตว์ และสิ่งแวดล้อม ช่วยลดการใช้สารเคมี Bio CAT จุลินทรีย์ผสมทรายแมว กำจัดกลิ่นเหม็นใน 1 นาที สารสกัดจากธรรมชาติ 100% กำจัดกลิ่นฉี่แมวให้หายภายใน 1 นาที รวมถึงกำจัดกลิ่นแอมโมเนีย กลิ่นมูลแมว กลิ่นเหม็นในห้องแมวและในบ้าน และสามารถย่อยสลายมูลแมว ผสมน้ำทำความสะอาดห้องน้องแมวเพื่อกำจัดเชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย แก้ปัญหาภูมิแพ้ ไอ จาม ปัญหาทางเดินระบบหายใจที่มีสาเหตุมาจากกลิ่นเหม็นของสัตว์เลี้ยง ✨แนวคิดธุรกิจแบบฉบับ “Pico Alive (พิโก อไลฟ์)” “เราสร้างสรรค์นวัตกรรมจุลินทรีย์ชีวภาพที่มีคุณภาพสูง สกัดจากธรรมชาติ 100% ซึ่งสามารถกำจัดกลิ่นได้ภายใน 1 นาที สามารถย่อยสลายไขมัน บำบัดน้ำเสีย และใช้ง่ายปลอดภัยต่อมนุษย์ และสัตว์ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อช่วยให้ทุกครัวเรือน และทุกอุตสาหกรรม ลดการใช้สารเคมี โดยหันมาใช้กระบวนการธรรมชาติบำบัดธรรมชาติ เพื่อคืนธรรมชาติ และสร้างความยั่งยืนให้สิ่งแวดล้อม จะเห็นได้ว่าให้บริการของ Pico Alive ครอบคลุมทุกด้านในการแก้ปัญหาคุณภาพน้ำ พร้อมให้ผลลัพธ์ที่รับประกันความพึงพอใจ จึงส่งผลให้ได้รับการไว้วางใจจากองค์กรภาครัฐส่วนกลาง ระดับภาค ระดับจังหวัดและเอกชนระดับประเทศมากมาย ให้เข้ามาดูแลแก้ไข และให้คำแนะนำเกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อมอยู่เสมอๆ ดังนั้น Pico Alive (พิโก อไลฟ์) มีเป้าหมายพร้อมก้าวขึ้นสู่ความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีชีวภาพอันดับหนึ่งของประเทศ” คุณจีรศักดิ์กล่าว ✨การทำ Branding กับการทำธุรกิจในยุคปัจจุบัน Pico Alive (พิโก อไลฟ์) มีการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ่านช่องทางออฟไลน์เป็นหลักโดยลูกค้าส่วนใหญ่เป็นรูปแบบ B2B และในปี พ.ศ. 2564 จึงขยับขยายมาสู่ช่องทางออนไลน์เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายในรูปแบบ B2C มากขึ้น ซึ่งการเปิดใจผู้บริโภคเพื่อให้ยอมรับในตัวผลิตภัณฑ์นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด โดยคุณจีรศักดิ์เล่าว่า “ลูกค้าส่วนใหญ่จะคุ้นชินกับการใช้สารเคมีมากกว่า และใช้มาโดยตลอดเป็นระยะเวลานาน จึงทำได้ยากที่จะเปลี่ยนความเคยชินของผู้บริโภค ค่านิยมต่าง ๆ ที่เกิดจากการโฆษณา และความเชื่อผิด การใช้สารเคมีในชีวิตประจำวัน จากการโฆษณาจากแบรนด์สินค้าที่คู่แข่งก่อตั้งมานานกว่า มีความสัมพันธ์กับลูกค้าในวงการมายาวนานกว่า มีความน่าเชื่อถือมาก่อน การไปแทรกจึงจำเป็นต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมาก” ซึ่งการมี Branding ที่ดี และแข็งแกร่งจะช่วยให้ได้เปรียบในการแข่งขัน และช่วยทำให้ธุรกิจสามารถรักษาลูกค้าเอาไว้ได้ในต้นทุนที่ต่ำ ดังนั้นเมื่อกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม มีกิจกรรม DIPROM Branding ปั้นนักขายแบบมืออาชีพ ภายใต้โครงการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของวิสาหกิจไทยด้วยดิจิทัลประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566” ที่มุ่งเน้นเกี่ยวกับ Branding โดยเฉพาะ และทาง Pico Alive (พิโก อไลฟ์) ก็อยากจะพัฒนาให้ Branding แข็งแกร่ง สามารถเข้าไปแทรกอยู่ในใจลูกค้าได้ จึงได้ตัดสินใจเข้ากิจกรรมฯ ในครั้งนี้ โดยทีมผู้เชี่ยวชาญได้เข้ามาช่วยวิเคราะห์และให้คำแนะนำอย่างตรงไปตรงมา ในการพัฒนาการทำ “Branding” และการวางกลยุทธ์การตลาดแต่ละช่องทาง ✨ชึ่งปัจจุบัน Pico Alive (พิโก อไลฟ์) มีช่องทางจำหน่ายผ่านออนไลน์ ดังนี้ Website : https://www.picoalive.com/ Facebook : https://www.facebook.com/picoalive Line OA : @picoalive Instagram : https://www.instagram.com/picoalive_center Shopee : https://shopee.co.th/aliveshop_official Lazada : https://www.lazada.co.th/shop/shop-nakanara TikTok : https://www.tiktok.com/@pico_alive ✨ผลลัพธ์ที่น่าประทับใจ “ต้องบอกเลยว่าจากการเข้าร่วมโครงการ ทางเราได้รับความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความซับซ้อนของโลกธุรกิจ ทั้งทางด้านเศรษกิจ ด้านเทคโนโลยี และการเปลี่ยนแปลงของตลาด โดยมีผู้เชี่ยวชาญเข้ามาให้คำปรึกษา และแนะนำในทุกขั้นตอน ทำให้เราเข้าใจ นำไปพัฒนาองค์กรให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ได้อย่างรวดเร็ว และสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด ได้มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขององค์กร กระบวนการทำงานอย่างเป็นระบบ การทำงานร่วมกันอย่างมีมาตรฐาน สามารถวัดผลลัพธ์ได้ชัดเจน มีฐานลูกค้าที่ใช้ผลิตภัณฑ์เราทดแทนการใช้สารเคมีมากขึ้น ยอดขายเพิ่มขึ้นจากหลากหลายช่องทาง เช่น Facebook Tiktok Shopee ฯลฯ และจากการรีวิวของลูกค้า ทำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์ และสินค้าของทางบริษัท ดูน่าเชื่อถือมากขึ้น” คุณจีรศักดิ์กล่าว และนี่เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างความสำเร็จของผู้ประกอบการที่เข้าร่วม “กิจกรรม DIPROM Branding ปั้นนักขายแบบมืออาชีพ ภายใต้โครงการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของวิสาหกิจไทยด้วยดิจิทัลประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566” กับทางกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ที่ได้คัดสรรมาเพื่อเป็นแบบอย่างในการดำเนินธุรกิจให้แก่ผู้ประกอบการ SME ได้เห็นถึงมุมมองที่แตกต่าง แนวทางในการพัฒนาธุรกิจ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและก้าวทันโลกยุคปัจจุบัน
25 ก.ค. 2023
Success Case : บริษัท บางกอก เอกสยาม จำกัด บริการให้เช่าเครื่องมือคุณภาพพร้อมใช้งานภายใต้ชื่อ “108Rental”
สงครามราคาที่รุนแรงในการจำหน่ายสินค้าไม่เคยปราณีกับธุรกิจที่ไม่มีการปรับตัว การมาของเทคโนโลยีในโลกยุคดิจิทัลที่อำนวยความสะดวก ทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้นแค่ปลายนิ้ว ผู้บริโภคสามารถสั่งสินค้าราคาโรงงานจากจีนจาก E-marketplace ยักษ์ใหญ่ไม่ว่าจะเป็น Shopee หรือ Lazada โดยไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม แถมค่าขนส่งยังแสนประหยัด แต่ในอีกมุมหนึ่งก็นำพาความท้าทายมาให้ฝั่งของผู้ประกอบการในการแข่งขัน และดำเนินธุรกิจในอนาคตได้ต่อไป ผู้ประกอบการ SME ไทยจึงต้องปรับตัวต่อสู้ในโลกไร้พรมแดน กฎหมายต่างๆ ที่เหมือนจะเอื้อประโยชน์ และช่วยเหลือผู้ประกอบการต่างประเทศ มากกว่าผู้ประกอบการ SME ไทย ตัณพิสุทธิ์ ผู้จัดการ บริษัท บางกอก เอกสยาม จำกัด ได้เล่าถึงจุดเริ่มต้นของธุรกิจว่า “บริษัท บางกอกเอกสยาม จำกัด เปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2547 เกือบ 20 ปี ที่บริษัททำธุรกิจจัดหน่ายขายส่งเครื่องมือก่อสร้าง เครื่องมือช่าง เครื่องมือเกษตร ไปยังร้านค้าต่างจังหวัด โดยได้มีการปรับตัว และพัฒนาการดำเนินธุรกิจ จากการจำหน่ายหน้าร้าน ไปยังโลกออนไลน์ภายใต้ชื่อ 108Hardware ไปยังกลุ่มลูกค้าผู้ใช้งานโดยตรง ทำให้เราเห็นปัญหาต่างๆของลูกค้า ตัวอย่างเช่น เครื่องมือไม่พร้อมใช้เนื่องจากขาดการดูแลรักษาที่ดี เงินลงทุนจมไปกับในการจัดซื้อสินค้าที่ไม่ได้ใช้บ่อย หรือเงินลงทุนจมไปกับสถานที่จัดเก็บ เราจึงเพิ่มการให้บริการในส่วนของการให้เช่าเครื่องมือคุณภาพพร้อมใช้งานภายใต้ชื่อ 108Rental” ✨แนวคิดธุรกิจแบบฉบับ “108Rental” 108Rental เน้นการให้บริการที่ครบวงจรให้กับลูกค้า โดยเราไม่เพียงแค่ให้เช่าเครื่องมือเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการบริการขนส่ง เทคนิคในการใช้งาน และการบำรุงรักษาเครื่องมือ ทำให้ลูกค้าสามารถเริ่มต้นโครงการก่อสร้างได้ทันที โดยไม่ต้องกังวลเรื่องด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานโครงการ อีกทั้ง 108Rental ยังเลือกใช้เครื่องมือที่มีคุณภาพสูง ซึ่งเป็นแนวคิดที่ดีเพื่อสร้างความเชื่อมั่น และพึงพอใจให้กับลูกค้า การทำธุรกิจให้เช่าเครื่องมือก่อสร้างควรเลือกเครื่องมือที่มีความทนทาน และมีประสิทธิภาพสูง เพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และปลอดภัย “ในอนาคต 108Rental ตั้งเป้าหมายจะเป็นบริษัทที่ให้บริการเช่าเครื่องมือช่างออนไลน์อันดับหนึ่งที่ช่างไว้วางใจ โดยมีสาขาครอบคลุมพื้นที่หัวเมืองต่างๆ โดยการให้บริการให้เช่าเครื่องมือของเราจะแบ่งเป็น 3 หมวดหลักๆ คือ หมวดที่ 1 เครื่องมือที่เกี่ยวกับงานก่อสร้างพื้นคอนกรีต ตั้งแต่งานเตรียมพื้นที่ ปรับระดับคอนกรีต ขัดมันคอนกรีต ปรับแก้ไขระดับ จนถึงทำความสะอาดพื้นผิว หมวดที่ 2 เครื่องมือทุ่นแรงที่ใช้ในการเคลื่อนย้ายสิ่งของ อาทิเช่น แฮนด์พาเลทที่เคลื่อนย้ายพาเลท สแตกเกอร์ที่ยกพาเลท และหมวดสุดท้าย เครื่องมือตกแต่งสวน ต้นไม้” คุณวีระกล่าว ✨การทำ Branding กับการทำธุรกิจในยุคปัจจุบัน ถึงแม้ว่า บริษัท บางกอก เอกสยาม จำกัด จะเปิดดำเนินการมาเกือบ 20 ปี แต่ในการปรับตัว และพัฒนาการดำเนินธุรกิจภายใต้แบรนด์ 108Rental จากการจำหน่ายหน้าร้าน ไปยังโลกออนไลน์ ก็ยังขาดความรู้ และแนวทางในการออกแบบอัตลักษณ์องค์กร (Corporate Identity Design) รวมถึงปัญหาด้านการสื่อสารแบรนด์อยู่อย่างมาก จึงตัดสินใจเข้าร่วมโครงการ “กิจกรรม DIPROM Branding ปั้นนักขายแบบมืออาชีพ ภายใต้โครงการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของวิสาหกิจไทยด้วยดิจิทัลประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566” ที่จัดขึ้นโดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม โดยจะมีผู้เชี่ยวชาญเข้าไปให้ช่วยวิเคราะห์ธุรกิจ และให้คำแนะนำแก่สถานประกอบการให้ความรู้ในการพัฒนา “Branding” อีกทั้งยังมีการช่วยชี้แนะในการวางกลยุทธ์การตลาดแต่ละช่องทางอีกด้วย “ทางทีมผู้เชี่ยวชาญในโครงการได้สอนเรื่องออกแบบ Brand Mood Board การจัดทำ Brand Guideline และ Artwork Template เพื่อใช้ในการสื่อสารในช่องทางต่างๆ โดยมุ่งเน้นการสร้างอัตลักษณ์แบรนด์ เพื่อสร้างการจดจำแก่กลุ่มเป้าหมาย และให้คำแนะนำในการวาง กลยุทธ์ เสริมสร้างจุดเด่น และสร้างความแตกต่างในสินค้าและผลิตภัณฑ์ของบริษัท อีกทั้งยังได้แนวทางการออกแบบอัตลักษณ์องค์กรอย่างชัดเจน” คุณวีระกล่าว คุณวีระยังได้เล่าถึงผลลัพธ์จากการเข้าโครงการให้ฟังว่า “ทาง 108Rental ได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญในโครงการ และนำไปปฏิบัติ ทำให้ลูกค้ามีความเชื่อมั่นในการใช้บริการ และทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นประมาณ 50% ได้พัฒนา และทำ Search Engine Optimization (SEO) และSearch Engine Marketing (SEM) ทำให้สามารถอยู่อันดับ 1 ในการใช้ Google ค้นหาในคีย์เวิร์ด เช่าเครื่องมือ เช่าเครื่องมือช่าง หรือเช่าเครื่องมือก่อสร้างอีกด้วย นอกจากนี้ยังได้มีการปรุงปรับปรุงรูปแบบการลงข้อมูลใน Facebook https://www.facebook.com/108Rental โดยใช้ Template และ Theme ที่ได้ออกแบบ ซึ่งถือเป็นการพัฒนาที่เห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน” และนี่เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างความสำเร็จของผู้ประกอบการที่เข้าร่วม “กิจกรรม DIPROM Branding ปั้นนักขายแบบมืออาชีพ ภายใต้โครงการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของวิสาหกิจไทยด้วยดิจิทัลประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566” กับทางกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ที่ได้คัดสรรมาเพื่อเป็นแบบอย่างในการดำเนินธุรกิจให้แก่ผู้ประกอบการ SME ได้เห็นถึงมุมมองที่แตกต่าง แนวทางในการพัฒนาธุรกิจ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและก้าวทันโลกยุคปัจจุบัน
25 ก.ค. 2023
Success Case : บริษัท ไทยสกายวิชั่น จำกัด ผู้ให้บริการ และจำหน่ายโดรน
จากงานอดิเรกที่ทำด้วยความชอบ สู่ธุรกิจธุรกิจเงินล้าน! ของบริษัท ไทยสกายวิชั่น จำกัด ผู้ให้บริการ และจำหน่ายโดรน DJI ที่มีส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุดในโลก ทั้งในไทยและต่างประเทศ บริษัท ไทยสกายวิชั่น จำกัด เป็นผู้ให้บริการ และจำหน่ายโดรน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2556 โดย คุณสกรรจ์ อริยโชติมา ผู้จัดการ บริษัท ไทยสกายวิชั่น จำกัด ได้เล่าถึงประวัติความเป็นมาของบริษัทว่า “ก่อนที่จะมาเป็น บริษัท ไทยสกายวิชั่น จำกัด นั้น ไม่ได้อยู่ดีๆ ก็จัดตั้งบริษัทขึ้นมาเลย แต่มีจุดกำเนิดมาจากการที่เราเริ่มมีงานอดิเรกด้าน เครื่องบิน/เฮลิคอปเตอร์ วิทยุบังคับเมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว เลยอยากมีร้านขายสินค้า RC (Radio Controller) ให้เพื่อน ๆ กลุ่มที่รักงานอดิเรกเหมือนกัน เริ่มจากเอาสินค้าเฮลิคอปเตอร์ขนาดเล็กมาขาย ซึ่งก็ได้รับการตอบรับที่ดี และได้ขยับขนาดของเฮลิคอปเตอร์ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ จนมีลูกค้าบางคนเริ่มสอบถามการเอากล้องถ่ายรูปขึ้นไปติดตั้งเพื่อถ่ายภาพทางอากาศ ซึ่งเราก็ได้ค้นหาอุปกรณ์ต่าง ๆ ในการพัฒนาให้สามารถบรรลุวัตถุประสงค์นั้น แต่ด้วยเทคโนโลยีด้านกล่องควบคุมการบินในสมัยนั้นยังไม่ดี/เข้าถึงยาก จนมีกล่องควบคุมยี่ห้อหนึ่งซึ่งมีความโดดเด่นจากจีน ยี่ห้อ DJI Flight Controller ซึ่งเราก็ได้นำมาประกอบ และใช้งานได้ดีทั้งในรูปแบบเฮลิคอปเตอร์ และมัลติโรเตอร์ หรือโดรน ซึ่งด้วยความง่ายในการใช้งาน และการบำรุงรักษา โดรนจึงได้รับความนิยมกว่าการใช้เฮลิคอปเตอร์ในการทำงาน ทางเราจึงเริ่มประกอบโดรนซึ่งสามารถแบกกล้องถ่ายรูปเพื่อถ่ายภาพทางอากาศ เพื่อให้งานบริการ ซึ่งขณะนั้นมีผู้ให้บริการน้อยราย และมีการลงทุนสูง จึงทำให้ผู้ให้บริการต้องมีความรู้ในการบังคับ ความปลอดภัย การซ่อมบำรุง และการพัฒนาอุปกรณ์ต่าง ๆ อยู่ตลอดเวลา ซึ่งก็คุ้มค่ากับการลงทุน เนื่องจากค่าให้บริการมีราคาสูง หลายหมื่นบาท จนไปถึงหลักแสน แต่ก็ยังถูกกว่า และสะดวกกว่า เมื่อเทียบกับการใช้เฮลิคอปเตอร์จริงในการถ่ายภาพทางอากาศในขณะนั้น ดังนั้นในส่วนนี้เองเราจึงได้ก่อตั้ง บริษัท ไทยสกายวิชั่น จำกัด ขึ้นมา” ✨แนวคิด และเป้าหมายในการทำธุรกิจของ “ไทยสกายวิชั่น” บริษัท ไทยสกายวิชั่น จำกัด นั้นเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ โดรน DJI ที่มีส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุดในโลก ทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยได้ปรับตำแหน่งทางการตลาดเป็นโดรนเพื่อองค์กร DJI Enterprise ที่ทางบริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์มากว่า 10 ปี ไม่เพียงแค่โดรน DJI Enterprise แต่เพียงอย่างเดียว ยังมีอีกหลากหลายผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็น LiDAR YellowScan, Atmos UAV, Micasense และอื่น ๆ อีกมากมาย โดย Thai Sky Vision ได้นำองค์ความรู้ต่าง ๆ มาประกอบและบูรณาการทั้ง Hardware และ Software เพื่อส่งมอบ Solution ให้กับลูกค้าในหลากหลาย รูปแบบการทำงาน อาจกล่าวได้ว่าเป็นบริษัทจำหน่ายโดรนเอกชนที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทยที่อยู่รอดมาจนถึงปัจจุบัน ผ่านเหตุการณ์ทางธุรกิจมามากมาย “สิ่งสำคัญของการอยู่รอด คือ การปรับตัวตลอดเวลา และหาจุดยืนทางการตลาดให้ชัดเจนโดยอาศัยการวิเคราะห์ตนเองจาก จุดแข็ง ความถนัด ทรัพยกรต่าง ๆ ที่มี ยกตัวอย่างเช่น จากบริษัทที่ให้บริการโดรนถ่ายภาพทางอากาศอย่างเดียว ก็ต้องปรับตัวที่จะถ่ายทอดความรู้ ความสามารถ และจำหน่ายโดรนเพื่อการถ่ายภาพทางอากาศให้กับลูกค้าเราที่ใช้บริการแล้ว อยากซื้อทำเอง เราก็ต้องปรับตัวจากผู้ให้บริการ มาเป็นผู้ขาย/ผู้สอน และให้คำปรึกษาด้วย หรือแม้แต่การถ่ายภาพทางอากาศด้วยโดรน แต่เดิมเพื่อใช้ในงานการตลาด การประชาสัมพันธ์ ความบันเทิง สร้างมุมมองด้านภาพที่แปลกตา ก็มีการนำความสมารถของโดรนถ่ายภาพไปใช้ในงานทางด้านวิศวกรรมต่าง ๆ การทำแผนที่ การทำรังวัด การทำการตรวจสอบโครงสร้าง และอื่น ๆ อีกมากมาย เราก็ต้องปรับตัวและเรียนรู้ความรู้ใหม่ๆ ตลอดเวลาซึ่งผลิตภัณฑ์โดรน และอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ที่เรานำมาจัดจำหน่าย และให้บริการนั้น เพื่อแก้ไขปัญหา และพัฒนากิจการของลูกค้าทั้งหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน เป็นประโยชน์โดยรวมต่อประเทศชาติ ทำให้เป็นกำลังใจ และแรงผลักดันให้ทุกคนในองค์กรรู้สึกถึงความภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนในการพัฒนาประเทศ แต่บริษัทเองก็จำเป็นต้องพัฒนาองค์กร และการตลาด นำพาบริษัท/พนักงานให้อยู่รอด และเติบโตท่ามกลางการแข่งขันที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว” คุณสกรรจ์กล่าว ✨การทำ Branding ปัญหาหลักของธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้น การทำ Branding เป็นการลงทุนระยะยาว ให้ลูกค้าจดจำเราในแบบที่เราต้องการ ซึ่งอาจมองไม่เห็นผลตอบแทนได้อย่างชัดเจนในระยะเวลาสั้นๆ แต่เราจำเป็นอย่างมากที่จะต้องทำ เพื่อตอกย้ำบุคลิก จุดยืนของบริษัท ในรูปแบบต่าง ๆ ที่ลูกค้าจะได้พบ ได้ประสบการณ์ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม จากสินค้าหรือ บริการของเรา คุณสกรรจ์เล็งเห็นความสำคัญในจุดนี้ จึงทำให้เมื่อได้เจอโครงการดี ๆ อย่าง “กิจกรรม DIPROM Branding ปั้นนักขายแบบมืออาชีพ ภายใต้โครงการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของวิสาหกิจไทยด้วยดิจิทัลประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566” ที่จัดขึ้นโดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม จึงตัดสินใจเข้าร่วมอย่างไม่ลังเล “หลังจากเข้าร่วมโครงการแล้วนั้น ทำให้รู้ถึงแนวทางต่าง ๆ ในการทำ Branding ว่าที่ทำอยู่ดีหรือไม่ ควรเพิ่มเติมในช่องทางใดบ้าง ทางผู้เชี่ยวชาญได้แนะนำหลักการ และหลักคิด ทั้งในภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติ ให้อย่างครบถ้วน องค์กรของเราได้มองเห็นจุดอ่อน และจุดแข็งของเรามากขึ้น บริษัทได้มี CI และวิสัยทัศน์อย่างชัดเจน ทำให้คนในองค์กรเข้าใจตรงกัน สื่อสารตรงกัน ส่งผลให้การทำงานภายในคล่องตัวมากขึ้น รวมทั้งยังมีเป้าหมายเดียวกันอย่างชัดเจน” คุณสกรรจ์กล่าว คุณสกรรจ์ได้เล่าถึง ผลลัพธ์จากการเข้าร่วมกิจกรรม DIPROM Branding ว่า “ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดมาก ๆ ของ บริษัท ไทยสกายวิชั่น จำกัด คือหลังจากที่ได้เข้าร่วมโครงการ บริษัทได้มี CI อย่างชัดเจน และได้นำความรู้ไปปรับกับการโพสต์ในสื่อโซเชียลมีเดียทุกๆแพลตฟอร์ม ทำให้มีคนมากดไลค์มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จากการที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้เราเน้นโพสต์เกี่ยวกับการให้ความรู้ มากกว่าการขายของ เราก็จะเห็นผลเลยว่า โพสต์ไหนที่เราได้ให้ความรู้ จะมีคนเข้ามากดไลค์ และมียอดEngagement มากขึ้นเป็นเท่าตัว เราเปลี่ยนจากการเน้นขาย Productsมาเป็นการโปรโมท Services เพิ่มเติม และเน้นในเรื่องของ Services มากกว่า Products บนเว็บไซต์ ทำให้ลูกค้ากดค้นหาแล้วเจอเรามากขึ้น ยอดคน Add Line OA ก็เพิ่มขึ้นในทุก ๆ เดือน” ✨สนใจผลิตภัณฑ์หรือบริการของ Thai Sky Vision ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Website : https://www.thaiskyvision.com/ Facebook : Thai Sky Vision Line OA : @thaiskyvision YouTube : @thaiskyvisiond และนี่เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างความสำเร็จของผู้ประกอบการที่เข้าร่วม “กิจกรรม DIPROM Branding ปั้นนักขายแบบมืออาชีพ ภายใต้โครงการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของวิสาหกิจไทยด้วยดิจิทัลประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566” กับทางกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ที่ได้คัดสรรมาเพื่อเป็นแบบอย่างในการดำเนินธุรกิจให้แก่ผู้ประกอบการ SME ได้เห็นถึงมุมมองที่แตกต่าง แนวทางในการพัฒนาธุรกิจ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและก้าวทันโลกยุคปัจจุบัน
25 ก.ค. 2023
Success Case : เชี่ยวชาญพานิช ร้านเชี่ยวชาญพานิช (ข้าวต้มเทเวศร์)
ถ้าหากพูดถึงร้าน “ข้าวต้มกุ๊ย” ในกรุงเทพมหานคร ต้องยอมรับเลยว่ามีให้เลือกรับประทานอย่างมากมายหลากหลายร้าน แต่จะมีสักกี่ร้านที่ได้ชื่อว่าเป็นร้านระดับตำนานในกรุงเทพมหานคร ทั้งเรื่องรสชาติ การบริการ รวมไปถึงบรรยากาศ ที่ไม่ว่าใครได้ไปลิ้มลองก็ไม่มีผิดหวัง ✨ร้านเชี่ยวชาญพานิช (ข้าวต้มเทเวศร์) เปิดดำเนินการตั้งแต่ปี 2498 ในรูปแบบอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น 1 คูหา โดยทำเลที่ตั้งของกิจการอยู่เขตพระนคร แยกเทเวศร์ ซึ่งหลังจากการดำเนินกิจการจาก รุ่นที่ 1 จนมาถึงรุ่นที่ 2 ที่ได้มีการสั่งสมประสบการณ์ และพัฒนารสชาติจนเป็นที่ยอมรับแก่ลูกค้ามากหน้าหลายตาแล้วนั้น รุ่นที่ 3 ได้มีโอกาสนำความรู้ ความสามารถ และเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาพัฒนากิจการให้ดำเนินต่อ พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในปัจจุบันหลากหลายด้านได้เป็นอย่างดี คุณสุทธิพล สมวสุนธรา เป็นทายาทรุ่นที่ 3 ที่ได้รับช่วงต่อกิจการ ร้านเชี่ยวชาญพานิช (ข้าวต้มเทเวศร์) ที่เปิดมาอย่างยาวนานตั้งแต่รุ่นอากง โดยคุณสุทธิพล เรียนจบทางด้าน บริหารธุรกิจระหว่างประเทศ มีประสบการณ์ทำงานจากบริษัทชั้นนำในประเทศไทยนานหลายปี แต่ด้วยการตัดสินใจที่จะรับช่วงต่อกิจการ และความอยากพัฒนาร้านให้ทันยุคเทคโนโลยีในปัจจุบัน จึงได้นำความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์จากการทำงานมาปรับใช้กับกิจการ รวมถึงยังคงคอยศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมตลอดเวลา ทั้งทักษะทางด้านอาหาร การบริหารกิจการร้านอาหาร การขยายแฟรนไชส์ การบริหารบุคคล และการตลาด เพื่อมุ่งหวังให้ร้านเกิดการพัฒนาอย่างดีที่สุด ✨แนวคิดธุรกิจแบบฉบับ “เชี่ยวชาญพานิช” “ข้าวต้มกุ๊ย ถือเป็น อาหารที่ผสมผสานทางวัฒนธรรมไทย-จีน และอยู่คู่กับสังคมไทยมาอย่างยาวนาน ซึ่งจากระยะเวลาในการดำเนินกิจการมาจนถึงปัจจุบันกว่าเกือบ 70 ปี จึงถือได้ว่าเป็น ร้านในตำนาน ร้านหนึ่งก็ว่าได้ ทำให้ความเก่าแก่ ความน่าเชื่อถือ เป็นจุดขายที่สำคัญของร้าน ประกอบกับ สูตรลับเฉพาะ วัตถุดิบที่คัดสรรอย่างดี มีคุณภาพ และการบริการ ดูแลลูกค้า เสมือนครอบครัว ยิ่งสร้างจุดเด่นให้ร้านได้มากยิ่งขึ้นอีก ในปัจจุบันการแข่งขันในธุรกิจอาหารค่อนข้างรุนแรง การสร้างความแตกต่างเพื่อให้ผู้บริโภคจดจำ และรับรู้ได้เป็นสิ่งสำคัญ ทำให้ เชี่ยวชาญพานิช มีแนวคิดในการสร้างเอกลักษณ์ ไปจนถึงอัตลักษณ์ของร้านอาหารประเภท ข้าวต้มกุ๊ย โดยมีเป้าหมาย เพื่อจะได้เป็นต้นแบบเป็นมาตราฐานในการพัฒนาธุรกิจ จนสามารถขยายสาขาได้ต่อไป” คุณสุทธิพลกล่าว ✨การทำ Branding กับการทำธุรกิจในยุคปัจจุบัน คุณสุทธิพลกล่าวว่า “เหตุการณ์ Covid-19 ที่ผ่านมา ธุรกิจต่าง ๆ ได้รับผลกระทบมากมาย รวมถึงธุรกิจอาหารก็ประสบปัญหาเช่นกัน หลาย ๆ ร้านในตำนานได้ปิดตัวลง เนื่องจากหลายเหตุผลที่ต่าง ๆ กัน แม้ว่า “เชี่ยวชาญพานิช” จะสามารถอยู่รอดจากวิกฤติที่ผ่านมาได้ แต่ก็ได้รับผลกระทบทั้งด้านบุคคลากร และด้านการเงิน เมื่อทุกอย่างเริ่มคลี่คลาย การแข่งขันของผู้ที่อยู่รอดก็เริ่มต้นขึ้น รวมถึงผู้แข่งขันหน้าใหม่ที่เห็นโอกาสจากอุตสาหกรรมอาหารที่จะกลับมาเติบโตอีกครั้งอีกมากมาย เพราะฉะนั้นการกลับมาทำ Marketing และ Branding เพื่อแสดงถึงตัวตน และการสร้างการรับรู้ให้กับผู้บริโภค จึงมีบทบาทที่สำคัญมากยิ่งขึ้นไปอีก หากแต่ เชี่ยวชาญพานิช ถือเป็นเพียง Micro SME ซ้ำยังได้รับผลกระทบด้านการเงิน จึงนับว่ายังคงเจอปัญหา และอุปสรรคต่อเนื่องที่ต้องปรับปรุง และแก้ไขเพื่อให้ยังสามารถแข่งขันในตลาดได้ต่อไป” โดยการเข้าร่วมโครงการ “กิจกรรม DIPROM Branding ปั้นนักขายแบบมืออาชีพ ภายใต้โครงการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของวิสาหกิจไทยด้วยดิจิทัลประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566” ของคุณสุทธิพล มีจุดประสงค์เพื่อพัฒนาความรู้ แสวงหาผู้เชี่ยวชาญ ในการให้คำปรึกษา เพื่อปรับปรุง และพัฒนา Branding รวมไปจนถึง ด้านการตลาดและการขาย ให้กิจการสามารถแข่งขันในตลาดและเติบโตต่อไปได้ในอนาคต “นอกจากความรู้ ความเข้าใจทางด้าน Branding และ Marketing ที่ได้เพิ่มขึ้นมากจากการเข้าร่วมกิจกรรม DIPROM Branding ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมแล้ว ผลลัพธ์ต่าง ๆ ที่ได้ยังมีอีกมากมาย อาทิเช่น ยอดขายจากหน้าร้าน และระบบ Delivery รวมเพิ่มขึ้นเกือบ 50% ในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงภาพลักษณ์ที่เปลี่ยนแปลงทั้งในเพจ Facebook ที่สร้างการรับรู้ และการติดตามที่เพิ่มมากขึ้น และ LineOA ที่มีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมาก” คุณสุทธิพลกล่าว ร้านข้าวต้มเชี่ยวชาญพานิช(เทเวศร์) ตั้งอยู่ที่ 76 ถ.กรุงเกษม แขวงบางขุนพรหม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200 ☎️ติดต่อสอบถามผ่านช่องทาง Facebook: ร้านข้าวต้มเชี่ยวชาญพานิช(เทเวศร์) หรือโทร 062 669 6292 และนี่เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างความสำเร็จของผู้ประกอบการที่เข้าร่วม “กิจกรรม DIPROM Branding ปั้นนักขายแบบมืออาชีพ ภายใต้โครงการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของวิสาหกิจไทยด้วยดิจิทัลประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566” กับทางกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ที่ได้คัดสรรมาเพื่อเป็นแบบอย่างในการดำเนินธุรกิจให้แก่ผู้ประกอบการ SME ได้เห็นถึงมุมมองที่แตกต่าง แนวทางในการพัฒนาธุรกิจ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและก้าวทันโลกยุคปัจจุบัน
25 ก.ค. 2023