ในปัจจุบันเทคโนโลยีดิจิทัลและอินเทอร์เน็ตมีบทบาทสำคัญในการปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตในยุคของ การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 หรือ Industry 4.0 ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมมีพันธกิจ ส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาอุตสาหกรรม วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม วิสาหกิจชุมชน ผู้ประกอบการ และ ผู้ให้บริการธุรกิจอุตสาหกรรมให้มีขีดความสามารถที่สูงขึ้น จึงได้ส่งเสริมวิสาหกิจใช้ระบบติดตามการทำงานของ เครื่องจักร (Machine Monitoring System) ในการเพิ่มผลิตภาพ และลดปริมาณของเสียที่เกิดจากการผลิต ภายใต้ แนวคิดในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี Internet of Things (IoT) ผนวกเข้ากับอุปกรณ์รับ-ส่งข้อมูลผ่านเครือข่าย อินเทอร์เน็ต ซึ่งช่วยในการเฝ้าติดตามและตรวจสอบดูแลการทำงานของพนักงานและเครื่องจักร ทำให้สามารถ วิเคราะห์และประมวลข้อมูลจากเครื่องจักรในสายการผลิตและแรงงานในสถานประกอบการ นอกจากนี้ยังสามารถ ป้องกันความเสียหายหรือยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์เครื่องจักร หรือในบางกรณีสามารถปรับปรุงกระบวนการ ผลิตให้ยืดหยุ่นตามความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายด้วยเครื่องจักรชุดเดียวกัน อย่างไรก็ดี อุตสาหกรรมไทยกำลังเผชิญกับปัญหาด้านความพร้อมในการปรับปรุงสายการผลิตให้เป็นระบบ อัตโนมัติ (Automation) ทั้งทางด้านความรู้ความสามารถของบุคลากรในสถานประกอบการ ต้นทุนที่ต้องแข่งขันได้ ในตลาดโลก ประกอบกับสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจที่ยังไม่เอื้ออำนวยในการลงทุนปรับปรุงสายการผลิต แต่การเพิ่ม ประสิทธิภาพในการผลิตและการลดต้นทุนเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการจะต้องหาทางปรับปรุงเพื่อให้มีโอกาส แข่งขันได้ กองพัฒนาดิจิทัลอุตสาหกรรม เล็งเห็นถึงประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมในการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อมของไทยให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจ และการแพร่ระบาดของโรคเชื้อไวรัสโควิด 19 ในปัจจุบัน ที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลก เพื่อเสริมสร้างกำลังให้สามารถลุกขึ้นยืนและก้าวผ่านวิกฤติครั้งนี้ ด้วยการปรับเปลี่ยน ข้อมูลเป็นดิจิทัล (Digital transformation) เพื่อนำไปใช้สำหรับบริหารจัดการเรื่องทั่วไปในสถานประกอบการ ยกตัวอย่างเช่น การใช้เซนเซอร์ (Sensor) แปลงและจัดเก็บข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัลตามเวลาจริง (Real-time) แทนการจดบันทึกข้อมูลการผลิตบนสมุดบันทึกแบบเดิมและสามารถติดตามสถานะผ่านระบบคลาวด์ได้ เพื่อให้ ผู้ประกอบการสามารถสั่งการพนักงานจากภายนอกสถานที่ หรือ เพื่อประเมินขีดความสามารถในการผลิตของสถาน ประกอบการเองเพื่อที่จะตัดสินใจรับคำสั่งซื้อจากลูกค้า หรือ เพื่อตรวจจับปริมาณของเสียที่เกิดขึ้นตามเวลาจริง ทำ ให้ผู้วางแผนการผลิตทราบถึงสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นในกระบวนการให้สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ทันเวลา และ สามารถลดของเสียได้ เป็นต้น เพื่อเป็นการ “ปั้น” SMEs ไทย โดยการ “ปรุง” ตัวเองด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล และ “เปลี่ยน” ให้ตัวเองสามารถเข้าสู่ยุค 4.0 ได้ ตามนโยบายของกระทรวงอุตสาหกรรม และยุทธศาสตร์ชาติ (Thailand 4.0) ของรัฐบาลไทยที่ได้วางไว้ อ่านต่อได้ ดาวโหลดข้างล่างนี้เลย!!

>>> E-book กิจกรรมเพิ่มขีดความสามารถของวิสาหกิจไทยด้วยดิจิทัล 2022 <<< สรุปกิจกรรมกลุ่มเพิ่มขีดความสามารถวิสาหกิจด้วยดิจิทัล ประจำปี 2565 ✨ กิจกรรมเพิ่มความสามารถสร้างกำไรด้วย ERP ✨ กิจกรรมลดต้นทุนการใช้พลังงานในกระบวนการผลิต ✨ กิจกรรมพัฒนาผู้ประกอบการแม่พิมพ์ฉีดพลาสติกด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ✨ กิจกรรมการจัดการกระบวนการผลิตด้วย IoT ✨ กิจกรรมประเมินและเพิ่มผลิตภาพการจำลองสถานการณ์ ✨ กิจกรรมส่งเสริมการใช้งานเคราือข่ายคลาวด์ในสถานประกอบการ