วันที่ 24 เม.ย. 2562 กพ.กท. ร่วมกับที่ปรึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดงานสัมมนากิจกรรมส่งเสริมการเพิ่มผลิตภาพของ SMEs ด้วยระบบ Visualize
วันที่ 24 เม.ย. 2562 กพ.กท. ร่วมกับที่ปรึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดงานสัมมนากิจกรรมส่งเสริมการเพิ่มผลิตภาพของ SMEs ด้วยระบบ Visualize ภายใต้โครงการเพิ่มศักยภาพ SMEs ด้วยระบบเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital for SMEs) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2562 ณ โรงแรม เดอะทวิน ทาวเวอร์ โดย นายวาที พีระวรานุพงศ์ ผอ.กท. เป็นประธานพิธีเปิดงาน และ ดร.อาทิตย์ พัฒนพงศ์ชัย ผกพ. เป็นผู้กล่าวรายงาน มีการชี้แจงวัตถุประสงค์รายละเอียดกิจกรรมฯ ที่วิสาหกิจได้เข้าร่วมในปีงบประมาณ 2562 เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้ประกอบการ SMEs ไทย ภาคการผลิตให้สามารถปรับตัวเข้าถึงการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล หุ่นยนต์ และระบบอัตโนมัติได้อย่างรวดเร็ว ก้าวทันสถานการณ์ดิจิทัลของโลก รวมถึงการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่การเป็น Smart SMEs
24 เม.ย. 2019
วันอังคารที่ 23 เม.ย. 2562 กพ.กท. ร่วมกับที่ปรึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดประชุม Skype กับ SMRJ ญี่ปุ่น
วันอังคารที่ 23 เม.ย. 2562 กพ.กท. ร่วมกับที่ปรึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดประชุม Skype กับ SMRJ ญี่ปุ่น ณ ห้องประชุม กท.กสอ. เพื่อหารือแนวทางการพัฒนารูปแบบเชื่อมโยงเวบไซต์ T-Goodtech กับ J-Goodtech เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาแพลทฟอร์ม Global Value Chain ต่อไป
24 เม.ย. 2019
วันที่22เม.ย.62 จนท.กท.กสอ.โดยกลุ่ม กพ.ได้ร่วมการบันทึกเทปและสัมภาษณ์ผู้ประกอบการ รายการ SMEs Speed up
วันที่22เม.ย.62 จนท.กท.กสอ. โดย นายอำนาจ ไกรเจริญ นายช่างเทคนิคชำนาญงาน และ น.ส.อรุณธิตา สุจริตจิตร นักวิทยาศาสตร์ชำนาญการ ได้ร่วมการบันทึกเทปและสัมภาษณ์ผู้ประกอบการ รายการ SMEs Speed up รับเงินล้าน ร่วมกับประชาสัมพันธ์ กสอ. ณ บจก.คิงส์สเตลล่า แลบบอราทอรี่ เพื่อเผยแพร่ความสำเร็จของการนำแนวคิด 3 Stage rocket approach ไปใช้ในการพัฒนากระบวนการผลิต
22 เม.ย. 2019
วันอังคารที่ 9 เม.ย. 2562 เวลา 16:00 น. กพ.กท.เข้าร่วมประชุมจัดทำเนื้อหานิทรรศการงาน World Expo 2020 Dubai
วันอังคารที่ 9 เม.ย. 2562 เวลา 16:00 น. กพ.กท. โดย นายชาญเดช พิสิษฐ์ไพบูลย์ วิศวกรชำนาญการพิเศษ และ น.ส.อรุณธิตา สุจริตจิตร นักวิทยาศาสตร์ชำนาญการ เข้าร่วมประชุมคณะทำงานจัดทำเนื้อหานิทรรศการอาคารแสดงประเทศไทย งาน World Expo 2020 Dubai ณ ห้องประชุม 503 สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล
10 เม.ย. 2019
วันที่ 4 เมษายน 2562 กท.กสอ.ประชาสัมพันธ์โครงการ T-GoodTech ให้ SMEs าหัวข้อ "กฏหมายแรงงานน่ารู้"
วันที่ 4 เมษายน 2562 กท.กสอ. โดย นายอำนาจ ไกรเจริญ นายช่างเทคนิคชำนาญงาน และนายแววพงศ์ แววฉิมพลี วิศวกรปฏิบัติการ ประชาสัมพันธ์โครงการ T-GoodTech ให้ SMEs ที่สนใจในงานสัมมนาหัวข้อ "กฏหมายแรงงานน่ารู้" ณ โรงแรมแกรนด์ฮาวเวิร์ด กทม. ซึ่งจัดโดย กข.กสอ.
05 เม.ย. 2019
วันที่ 4 เมษายน 2562 กท.กสอ. ร่วมงานแถลงข่าวผลสำเร็จ (Success Case) จรวด 3 ขั้น เพื่อลดต้นทุน เพิ่มมูลค่าผลผลิต นำ SMEs
วันที่ 4 เมษายน 2562 กท.กสอ. ร่วมงานแถลงข่าวผลสำเร็จ (Success Case) จรวด 3 ขั้น เพื่อลดต้นทุน เพิ่มมูลค่าผลผลิต นำ SMEs ไทยสู่สากล และกิจกรรมเสวนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์จากผู้ประกอบการ Success Case ณ ห้องคริสตัล 2-4 ชั้น 3 โรงแรมเซ็นจูรี่ พาร์ค กรุงเทพฯ ของ สล.กสอ. ในงานนี้ กท.กสอ. ร่วมกับ ศภ.ต่างๆ ได้แสดงผลงาน Success case โชว์ความสำเร็จ “3-Stage Rocket Approach” ที่ได้จากการพัฒนา SMEs กลุ่มเป้าหมาย500 กิจการ ทั่วประเทศ ในปี 2561 ที่ผ่านมา ประกอบด้วย Success cases จำนวน 10 บูธ และหน่วยงานเครือข่ายร่วมแสดงเทคโนโลยีอีก 5 บูธ ได้รับเกียรติจาก อสอ. เป็นประธานเปิดงาน และมีนายวาที พีระวรานุพงศ์ ผอ.กท.กสอ. นำเสนอผลความสำเร็จโครงการแก่ อสอ.
05 เม.ย. 2019
“กสอ.”เพิ่มศักยภาพผู้ประกอบการขับเคลื่อนศก.สู่อุตสหกรรม 4.0
กสอ.เดินหน้าโครงการ Digital for SMEs นำระบบดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการธุรกิจอย่างเป็นระบบ หวังขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่อุตสาหกรรม 4.0 ตั้งเป้าเอสเอ็มอี 130 กิจการใน 3 สาขาหลัก ทั้งภาคการผลิต-การค้า-บริการ สร้างยอดขาย ลดต้นทุนการผลิตมากกว่า 91 กิจการ และเกิด SMEs Success Case ไม่น้อยกว่า 13 กิจการ สร้างยอดขายเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 200 ล้านบาท นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ปัจจุบันการแข่งขันทางการค้าและระบบเศรษฐกิจโลกมีการปรับเปลี่ยนจากเดิม โดยมีปัจจัยที่สำคัญส่วนหนึ่งมาจากความก้าวหน้า ของเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อให้การบริหารจัดการเป็นไปอย่างมีระบบ เกิดประสิทธิภาพและก้าวทันเทคโนโลยี ดังนั้น การนำระบบดิจิทัลมาใช้จึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะโปรแกรมซอฟต์แวร์สำเร็จรูป ถือเป็นเครื่องมือหนึ่งที่สำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจเอสเอ็มอีสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้นอกจากจะช่วยลดความผิดพลาดในการทำงานและลดปริมาณการใช้กระดาษแล้ว ยังให้บริการบนระบบคลาวด์ (Cloud)ซึ่งเป็นระบบประมวลผลเก็บข้อมูล โดยผู้ประกอบการสามารถดึงข้อมูลจากที่ใดของโลกก็ได้ที่มีอินเตอร์เน็ต และสามารถใช้งานได้พร้อมกันหลายคนทำให้เกิดความสะดวกสบาย ง่ายต่อการบริหารจัดการ ดังนั้น เพื่อให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี มีองค์ความรู้ในการนำระบบดิจิทัลมาประยุกต์ใช้เป็นเครื่องมือหนึ่งในการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารธุรกิจอุตสาหกรรม โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมได้ร่วมมือกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดทำกิจกรรมส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพเอสเอ็มอีด้วยระบบดิจิทัลบริหารจัดการธุรกิจ ภายใต้โครงการเพิ่มศักยภาพเอสเอ็มอีด้วยระบบเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital for SMEs)เพื่อพัฒนาศักยภาพ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้วยระบบดิจิทัลบริหารจัดการธุรกิจให้กับภาคการผลิต ภาคการค้า และบริการ จำนวน 130 กิจการ ประกอบด้วย ภาคการผลิต 13 สาขาอุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ 1.อาหารแปรรูป 2.เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ 3.ยานยนต์และชิ้นส่วน 4.เซรามิกและแก้ว 5.รองเท้าและเครื่องหนัง 6.สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม 7.เหล็ก 8.ยา 9.พลาสติก 10.เครื่องจักรกล 11.ซอฟต์แวร์ 12.สิ่งพิมพ์ 13.อู่ต่อเรือ รวมถึงภาคการค้า และบริการ และสาขาอุตสาหกรรมอื่นๆที่เกี่ยวข้อง สำหรับการดำเนินงานจะมีผู้เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมและโปรแกรมซอฟต์แวร์สำเร็จรูป จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และบริษัทซอฟต์แวร์ เข้าเยี่ยมสถานที่ประกอบกิจการ เพื่อให้คำปรึกษาและวินิจฉัยธุรกิจ เพื่อคัดสรรระบบซอฟต์แวร์บริหารจัดการธุรกิจที่เหมาะสมกับกิจการนั้น ๆ เช่น ระบบการผลิต การขาย การบัญชี การบริหารบุคคล และการจัดการสินค้าคงคลัง โดยให้บริการผ่านระบบ Cloud Computing ในรูปแบบ SaaS (Software as a Service)สามารถใช้งานได้โดยผ่านเครือข่าย Internet นอกจากนี้ การดำเนินการดังกล่าว ยังสามารถช่วยกระตุ้นให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ไทย เข้าสู่ตลาดการแข่งขันที่ทัดเทียมกับสากลเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่กระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศให้เจริญเติบโตยิ่งขึ้นไปตามโมเดลไทยแลนด์ 4.0“กสอ.ตั้งเป้าในการส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการเอสเอ็มอี 130 กิจการในการนำระบบดิจิทัลไปประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการธุรกิจอย่างเป็นระบบ จำนวนไม่น้อยกว่า 85 กิจการ หรือคิดเป็นร้อยละ 65 และสามารถเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิต จำนวนไม่น้อยกว่า 91 กิจการ หรือคิดเป็นร้อยละ 70 ของผู้ประกอบการที่เข้าร่วมกิจกรรม ประมาณการผลกระทบทางเศรษฐกิจสามารถสร้างยอดขายเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 200 ล้านบาท คาดว่าจะก่อให้เกิดผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จในการนำระบบดิจิทัลบริหารจัดการธุรกิจไปประยุกต์ใช้ในธุรกิจจำนวนไม่น้อยกว่า 13 กิจการ หรือร้อยละ 10”
01 เม.ย. 2019
กสอ. เร่งเดินหน้า Digital for SMEs 130 กิจการ มั่นใจช่วยเพิ่มศักยภาพผู้ประกอบการ หวังขับเคลื่อนเศรษฐกิจเข้าสู่อุตสาหกรรม 4.0
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) เดินหน้าโครงการ Digital for SMEs นำระบบดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการธุรกิจอย่างเป็นระบบ หวังขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่อุตสาหกรรม 4.0 ตั้งเป้า SMEs 130 กิจการ ใน 3 สาขาหลัก ทั้งภาคการผลิต ภาคการค้า และบริการ สามารถสร้างยอดขาย ลดต้นทุนการผลิต มากกว่า 91 กิจการ และเกิด SMEs Success Case ไม่น้อยกว่า 13 กิจการ ประมาณการผลกระทบทางเศรษฐกิจสามารถสร้างยอดขายเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 200 ล้านบาท นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า ปัจจุบันการแข่งขันทางการค้าและระบบเศรษฐกิจโลกมีการปรับเปลี่ยนจากเดิม โดยมีปัจจัยที่สำคัญส่วนหนึ่งมาจากความก้าวหน้า ของเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อให้การบริหารจัดการเป็นไปอย่างมีระบบ เกิดประสิทธิภาพ และก้าวทันเทคโนโลยี ดังนั้น การนำระบบดิจิทัลมาใช้จึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะโปรแกรมซอฟต์แวร์สำเร็จรูป ถือเป็นเครื่องมือหนึ่งที่สำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจเอสเอ็มอีสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะนอกจากจะช่วยลดความผิดพลาดในการทำงานและลดปริมาณการใช้กระดาษแล้ว ยังให้บริการบนระบบคลาวด์ (Cloud) ซึ่งเป็นระบบประมวลผลเก็บข้อมูล โดยผู้ประกอบการสามารถ ดึงข้อมูลจากที่ใดของโลกก็ได้ที่มีอินเตอร์เน็ต และสามารถใช้งานได้พร้อมกันหลายคนทำให้เกิดความสะดวกสบาย ง่ายต่อการบริหารจัดการ ดังนั้น เพื่อให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี มีองค์ความรู้ในการนำระบบดิจิทัลมาประยุกต์ใช้เป็นเครื่องมือหนึ่งในการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารธุรกิจอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) จึงได้ร่วมมือกับ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดทำกิจกรรมส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพ SMEs ด้วยระบบดิจิทัลบริหารจัดการธุรกิจ ภายใต้ โครงการเพิ่มศักยภาพ SMEs ด้วยระบบเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital for SMEs) เพื่อพัฒนาศักยภาพ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้วยระบบดิจิทัลบริหารจัดการธุรกิจให้กับภาคการผลิต ภาคการค้า และบริการ จำนวน 130 กิจการ ประกอบด้วย ภาคการผลิต 13 สาขาอุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ 1. อาหารแปรรูป 2. เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ 3. ยานยนต์และชิ้นส่วน 4. เซรามิกและแก้ว 5. รองเท้าและเครื่องหนัง 6. สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม 7. เหล็ก 8. ยา 9. พลาสติก 10. เครื่องจักรกล 11. ซอฟต์แวร์ 12. สิ่งพิมพ์ และ 13. อู่ต่อเรือ รวมถึงภาคการค้า และบริการ และสาขาอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง“สำหรับการดำเนินงานนั้น จะมีผู้เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมและโปรแกรมซอฟต์แวร์สำเร็จรูปจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และบริษัท ซอฟต์แวร์ เข้าเยี่ยมสถานที่ประกอบกิจการ เพื่อให้คำปรึกษาและวินิจฉัยธุรกิจ เพื่อคัดสรรระบบซอฟต์แวร์บริหารจัดการธุรกิจที่เหมาะสมกับกิจการนั้น ๆ เช่น ระบบการผลิต การขาย การบัญชี การบริหารบุคคล และการจัดการสินค้าคงคลัง โดยให้บริการผ่านระบบ Cloud Computing ในรูปแบบ SaaS (Software as a Service) สามารถใช้งานได้โดยผ่านเครือข่าย Internet นอกจากนี้ การดำเนินการดังกล่าว ยังสามารถช่วยกระตุ้นให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ไทย เข้าสู่ตลาดการแข่งขันที่ทัดเทียมกับสากลเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่กระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศให้เจริญเติบโตยิ่งขึ้นไปตามโมเดลไทยแลนด์ 4.0 ทั้งนี้ กสอ. ตั้งเป้าในการส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการเอสเอ็มอี จำนวน 130 กิจการในการนำระบบดิจิทัลไปประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการธุรกิจอย่างเป็นระบบ จำนวนไม่น้อยกว่า 85 กิจการ หรือคิดเป็นร้อยละ 65 และสามารถเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิต จำนวนไม่น้อยกว่า 91 กิจการ หรือ คิดเป็นร้อยละ 70 ของผู้ประกอบการที่เข้าร่วมกิจกรรม ประมาณการผลกระทบทางเศรษฐกิจสามารถสร้างยอดขายเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 200 ล้านบาท นอกจากนี้ คาดว่าจะก่อให้เกิดผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จ ในการนำระบบดิจิทัลบริหารจัดการธุรกิจไปประยุกต์ใช้ในธุรกิจ จำนวนไม่น้อยกว่า 13 กิจการ หรือ ร้อยละ 10” นายกอบชัย กล่าวทิ้งท้าย
01 เม.ย. 2019
กสอ. ผนึกจุฬาฯเดินหน้า Digital for SMEs 130 กิจการ
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ร่วมมือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยทำโครงการ Digital for SMEs นำระบบดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการธุรกิจอย่างเป็นระบบ หวังขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่อุตสาหกรรม 4.0ตั้งเป้า SMEs 130 กิจการ ใน 3 สาขาหลัก นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กสอ.ได้ดำเนินการร่วมมือกับ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดทำกิจกรรมส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพ SMEs ด้วยระบบดิจิทัลบริหารจัดการธุรกิจ ภายใต้ โครงการเพิ่มศักยภาพ SMEs ด้วยระบบเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital for SMEs) เพื่อพัฒนาศักยภาพ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้วยระบบดิจิทัลบริหารจัดการธุรกิจให้กับภาคการผลิต ภาคการค้า และบริการ จำนวน 130 กิจการ ประกอบด้วย ภาคการผลิต 13 สาขาอุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ 1. อาหารแปรรูป 2. เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ 3. ยานยนต์และชิ้นส่วน 4. เซรามิกและแก้ว 5. รองเท้าและเครื่องหนัง 6. สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม 7. เหล็ก 8. ยา 9. พลาสติก10. เครื่องจักรกล 11. ซอฟต์แวร์ 12. สิ่งพิมพ์ และ 13. อู่ต่อเรือ รวมถึงภาคการค้า และบริการ และสาขาอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งนี้ ปัจจุบันการแข่งขันทางการค้าและระบบเศรษฐกิจโลกมีการปรับเปลี่ยนจากเดิม โดยมีปัจจัยที่สำคัญส่วนหนึ่งมาจากความก้าวหน้า ของเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อให้การบริหารจัดการเป็นไปอย่างมีระบบ เกิดประสิทธิภาพและก้าวทันเทคโนโลยี ดังนั้น การนำระบบดิจิทัลมาใช้จึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะโปรแกรมซอฟต์แวร์สำเร็จรูป ถือเป็นเครื่องมือหนึ่งที่สำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจเอสเอ็มอีสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะนอกจากจะช่วยลดความผิดพลาดในการทำงานและลดปริมาณการใช้กระดาษแล้ว ยังให้บริการบนระบบคลาวด์ (Cloud) ซึ่งเป็นระบบประมวลผลเก็บข้อมูล โดยผู้ประกอบการสามารถดึงข้อมูลจากที่ใดของโลกก็ได้ที่มีอินเตอร์เน็ต และสามารถใช้งานได้พร้อมกันหลายคนทำให้เกิดความสะดวกสบายง่ายต่อการบริหารจัดการ ดังนั้น เพื่อให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี มีองค์ความรู้ในการนำระบบดิจิทัลมาประยุกต์ใช้เป็นเครื่องมือหนึ่งในการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารธุรกิจอุตสาหกรรม“สำหรับการดำเนินงานนั้น จะมีผู้เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมและโปรแกรมซอฟต์แวร์สำเร็จรูป จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และบริษัท ซอฟต์แวร์ เข้าเยี่ยมสถานที่ประกอบกิจการ เพื่อให้คำปรึกษาและวินิจฉัยธุรกิจ เพื่อคัดสรรระบบซอฟต์แวร์บริหารจัดการธุรกิจที่เหมาะสมกับกิจการนั้น ๆ เช่น ระบบการผลิต การขาย การบัญชี การบริหารบุคคล และการจัดการสินค้าคงคลัง โดยให้บริการผ่านระบบ Cloud Computing ในรูปแบบ SaaS (Software as a Service) สามารถใช้งานได้โดยผ่านเครือข่าย Internet นอกจากนี้ การดำเนินการดังกล่าว ยังสามารถช่วยกระตุ้นให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ไทย เข้าสู่ตลาดการแข่งขันที่ทัดเทียมกับสากลเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่กระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศให้เจริญเติบโตยิ่งขึ้นไปตามโมเดลไทยแลนด์ 4.0 นายกอบชัย กล่าวต่อไปอีกว่า กสอ. ตั้งเป้าในการส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการเอสเอ็มอี จำนวน130 กิจการ ในการนำระบบดิจิทัลไปประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการธุรกิจอย่างเป็นระบบ จำนวนไม่น้อยกว่า 85 กิจการ หรือ คิดเป็นร้อยละ 65 และสามารถเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิต จำนวนไม่น้อยกว่า 91 กิจการ หรือ คิดเป็นร้อยละ 70 ของผู้ประกอบการที่เข้าร่วมกิจกรรม ประมาณการผลกระทบทางเศรษฐกิจสามารถสร้างยอดขายเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 200 ล้านบาท นอกจากนี้ คาดว่าจะก่อให้เกิดผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จ ในการนำระบบดิจิทัลบริหารจัดการธุรกิจไปประยุกต์ใช้ในธุรกิจ จำนวนไม่น้อยกว่า 13 กิจการ หรือ 10%
01 เม.ย. 2019
กสอ. เร่งเดินหน้า Digital for SMEs 130 กิจการ มั่นใจช่วยเพิ่มศักยภาพผู้ประกอบการ หวังขับเคลื่อนเศรษฐกิจเข้าสู่อุตสาหกรรม 4.0
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) เดินหน้าโครงการ Digital for SMEs นำระบบดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการธุรกิจอย่างเป็นระบบ หวังขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย สู่อุตสาหกรรม 4.0 ตั้งเป้า SMEs 130 กิจการ ใน 3 สาขาหลัก ทั้งภาคการผลิต ภาคการค้า และบริการ สามารถสร้างยอดขาย ลดต้นทุนการผลิต มากกว่า 91 กิจการ และเกิด SMEs Success Case ไม่น้อยกว่า 13 กิจการ ประมาณการผลกระทบทางเศรษฐกิจสามารถสร้างยอดขายเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 200 ล้านบาทนายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า ปัจจุบันการแข่งขันทางการค้าและระบบเศรษฐกิจโลกมีการปรับเปลี่ยนจากเดิม โดยมีปัจจัยที่สำคัญส่วนหนึ่งมาจากความก้าวหน้า ของเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อให้การบริหารจัดการเป็นไปอย่างมีระบบ เกิดประสิทธิภาพ และก้าวทันเทคโนโลยี ดังนั้น การนำระบบดิจิทัลมาใช้จึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะโปรแกรมซอฟต์แวร์สำเร็จรูป ถือเป็นเครื่องมือหนึ่งที่สำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจเอสเอ็มอีสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะนอกจากจะช่วยลดความผิดพลาดในการทำงานและลดปริมาณการใช้กระดาษแล้ว ยังให้บริการบนระบบคลาวด์ (Cloud) ซึ่งเป็นระบบประมวลผลเก็บข้อมูล โดยผู้ประกอบการสามารถ ดึงข้อมูลจากที่ใดของโลกก็ได้ที่มีอินเตอร์เน็ต และสามารถใช้งานได้พร้อมกันหลายคนทำให้เกิดความสะดวกสบาย ง่ายต่อการบริหารจัดการ ดังนั้น เพื่อให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี มีองค์ความรู้ในการนำระบบดิจิทัลมาประยุกต์ใช้เป็นเครื่องมือหนึ่งในการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารธุรกิจอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) จึงได้ร่วมมือกับ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดทำกิจกรรมส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพ SMEs ด้วยระบบดิจิทัลบริหารจัดการธุรกิจ ภายใต้ โครงการเพิ่มศักยภาพ SMEs ด้วยระบบเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital for SMEs) เพื่อพัฒนาศักยภาพและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้วยระบบดิจิทัลบริหารจัดการธุรกิจให้กับภาคการผลิต ภาคการค้า และบริการ จำนวน 130 กิจการ ประกอบด้วย ภาคการผลิต 13 สาขาอุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ 1. อาหารแปรรูป 2. เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ 3. ยานยนต์และชิ้นส่วน 4. เซรามิกและแก้ว 5. รองเท้าและเครื่องหนัง 6. สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม 7. เหล็ก 8. ยา 9. พลาสติก 10. เครื่องจักรกล 11. ซอฟต์แวร์ 12. สิ่งพิมพ์ และ 13. อู่ต่อเรือ รวมถึงภาคการค้า และบริการ และสาขาอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง“สำหรับการดำเนินงานนั้น จะมีผู้เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมและโปรแกรมซอฟต์แวร์สำเร็จรูป จากจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย และบริษัท ซอฟต์แวร์ เข้าเยี่ยมสถานที่ประกอบกิจการ เพื่อให้คำปรึกษาและวินิจฉัยธุรกิจ เพื่อคัดสรรระบบซอฟต์แวร์บริหารจัดการธุรกิจที่เหมาะสมกับกิจการนั้น ๆ เช่น ระบบการผลิต การขาย การบัญชี การบริหารบุคคล และการจัดการสินค้าคงคลัง โดยให้บริการผ่านระบบ Cloud Computing ในรูปแบบ SaaS (Software as a Service) สามารถใช้งานได้โดยผ่านเครือข่าย Internet นอกจากนี้ การดำเนินการดังกล่าว ยังสามารถช่วยกระตุ้นให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ไทย เข้าสู่ตลาดการแข่งขันที่ทัดเทียมกับสากลเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่กระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศให้เจริญเติบโตยิ่งขึ้นไปตามโมเดลไทยแลนด์ 4.0ทั้งนี้ กสอ. ตั้งเป้าในการส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการเอสเอ็มอี จำนวน 130 กิจการ ในการนำระบบดิจิทัลไปประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการธุรกิจอย่างเป็นระบบ จำนวนไม่น้อยกว่า 85 กิจการ หรือคิดเป็นร้อยละ 65 และสามารถเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิต จำนวนไม่น้อยกว่า 91 กิจการ หรือ คิดเป็นร้อยละ 70 ของผู้ประกอบการที่เข้าร่วมกิจกรรม ประมาณการผลกระทบทางเศรษฐกิจสามารถสร้างยอดขายเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 200 ล้านบาท นอกจากนี้ คาดว่าจะก่อให้เกิดผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จ ในการนำระบบดิจิทัลบริหารจัดการธุรกิจไปประยุกต์ใช้ในธุรกิจ จำนวนไม่น้อยกว่า 13 กิจการ หรือ ร้อยละ 10” นายกอบชัย กล่าวทิ้งท้าย
01 เม.ย. 2019